วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ชีวิตคนเราไม่แน่นอน อาจตายวันนี้ พรุ่งนี้

ผู้หญิงคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุ ทำให้ต้องตาบอดทั้งสองข้าง และเธอก็ทุกข์ทรมานกับการสูญเสียการมองเห็น แต่สามีเธอก็พยายามปลอบใจ และให้กำลังใจเธอตลอด
พยายามสอนให้เธอใช้ประสาทสัมผัสให้มากขึ้น ที่ทำงานของเธอกับสามีอยู่คนละทางแต่เขาก็ขับรถไปส่งและไปรับอยู่เสมอ จนวันหนึ่งสามีเธอพูดกับเธอว่า

"ผมรู้สึกเหนื่อย อยากให้คุณลองพยายามขึ้นรถเมล์ไปทำงานเอง"

โดยที่เขาไม่ต้องไปรับไปส่งได้ใหม

นาทีนั้น ?.. ..............

เธอรู้สึกเหมือนโดดเดี่ยวและน้อยใจสามีเธอแต่เธอก็พยายามทำตามที่เขาขอ
เธอพยายามขึ้นรถเมล์เอง พยายามไปทำงานด้วยตัวเอง

จนในที่สุดเธอก็สามารถทำได้

วันหนึ่งก่อนที่เธอจะลงรถไปทำงานตามปกติ

คนขับรถเมล์ก็เข้ามาจับแขนเธอและพูดกับเธอว่า"ผมช่างอิจฉาคุณผู้หญิงจริงๆครับ"
เธอก็เลยถามว่า "อิจฉาเธอเรื่องอะไร"

คนขับรถเมล์ก็เลยบอกว่า "สามเดือนที่ผ่านมา ผมจะเห็นสุภาพบุรุษคนหนึ่งเขาจะขึ้นรถเมล์ตอนเช้า มานั่งตรงเบาะหลังคุณ เฝ้ามองดูคุณด้วยความห่วงใยและตามคุณลงรถไป
และเฝ้าดูคุณเดิน....เข้าไปที่ทำงานอย่างห่วงใย ทุกๆเย็นเขาก็จะมาเฝ้ารอดูคุณขึ้นรถ และคอยดูคุณจนคุณลงรถ"

พอเธอได้ยินดังนั้น เธอก็น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน..และสำนึกผิด
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยทิ้งเธอไปไหน

เขายังอยู่ดูแลเธออย่างใกล้ชิด

เขาเหนื่อยยิ่งกว่าตอนที่เขาต้องคอยมารับมาส่งเธอซะอีก

เธอหวนนึกถึงคำพูดเขาที่บ่นลอยๆออกมาบ่อยๆว่า

ชีวิตคนไม่แน่นอน อาจตายวันนี้ พรุ่งนี้ ได้ทุกเมื่อเลยนะ..
ดูอย่างคุณสิ...เมื่อวานยังมองเห็น วันนี้ คุณมองไม่เห็นแล้ว....

เธอคิดน้อยใจเขามาตลอด 3 เดือน ที่คิดว่าเขาเบื่อรำคาญการเป็นคนตาบอดของเธอ...

ณ.วันนี้เธอรู้แล้วว่า ....เขากลัวว่า วันนี้ พรุ่งนี้ เขาจะตายไป...แล้วเธอจะไม่สามารถ ไปไหนมาไหน
หรือมีชีวิตอยู่เองได้ถ้าขาดเขา


อ่านแล้วแถบจะร้องไห้ .... หากคุณรักใครสักคน คุณคงอย่างให้เขาสามารถมีชีวิตต่อไปได้ ถึงแม้ว่านี้คุณจะไม่ได้อยู่กับเขาอีกแล้ว

หรือ

แม้วันนี้... คุณได้สูญเสียคนที่คุณรักไป แต่เขาอยู่ในใจคุณตลอดเวลา และทำให้คุณมีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไปในโลกนี้ และอยู่ได้อย่างมีความสุข แม้จะไม่มีเขามาอยู่ข้างกายคุณอีกแล้ว...

สุขหรือทุกข์ เรารู้อยู่ที่จิต

ถูกหรือผิด เรารู้อยู่ที่ผล

ดีหรือชั่ว เรารู้อยู่ที่ตน

มีหรือจน เรารู้อยู่ที่ใจ



เมื่อรู้ว่าผิด จงเร่งแก้ไข
เมื่อรู้บุญคุณใคร จงรีบตอบแทน...

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อาศรมมาตา โคราช สถานที่ปฏิบัติธรรมสำหรับผู้หญิง


จังหวัดโคราช อ.ปักธงชัย

สถานที่ปฏิบัติธรรมสำหรับผู้หญิง


เส้นทางการเดินทางไป อาศรมมาตา ดูจากแผนที่ ดังนี้



ขับไปทางโคราช ปักธงชัย กิโลเมตรที่ 42 ก็จะเห็นป้ายทางเข้าแล้วค่ะ



 
บริเวณเขตของอาศรมมาตาแบ่งออกเป็น 4 เขต

เขต 1 เป็นสำนักงาน ครัวหลัก สถานที่ปฏิบัติธรรม มีน้ำ มีไฟ มีที่พักหลายหลังด้วยกัน
เขต 2 เป็นเขตปฏิบัติธรรม ระดับ 2 มีที่พัก แยกเป็นหลัง ๆ มีห้องนอน ห้องน้ำ มีน้ำ แต่ไม่มีไฟ มีเทียนให้
เขต 3 เป็นเขตปฏิบัติธรรมที่เรียกว่า ห้องกรงน้ำ บ้านเป็นหลังอยู่ในป่า ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ห้องน้ำ ห้องครัว อยู่ด้านนอกของที่พัก เป็นการฝึกจิต อยู่ตัวคนเดียว ในที่จำกัดบริเวณ
เขต 4 เป็นเขตป่า มีบ้านพักอยู่ในป่า มีน้ำ ไม่มีไฟ บ้านพักกระจายอยู่ในบ้าน แต่ละหลังห่างกันออกไป คนละมุม





ศาลาปิตา เป็นห้องพัก คุณแม่เล็ก เจ้าของอาศรมมาตา และด้านบนชั้นสองเป็นห้องพระ ห้องประชุม ห้องปฏิบัติธรรม



หลังนี้คือ บ้านเขต 2 มีห้องนอน ห้องน้ำ ไม่มีไฟ ที่ตู๋ไปพักปฏิบัติธรรม
กลางวันสวยมาก แต่กลางคืน มืดมาก ๆ

คืนแรก ท้องฟ้า ดวงดาวสวยมาก ๆ ดาวเต็มท้องฟ้า คืนนั้นก็ฝันว่า เจ้าของที่ เป็นผู้ชายคนหนึ่ง เข้าเดินมานั่งที่ข้างเตียง และบอกว่าเป็นเจ้าของเตียงนี้ ในฝันก็สวดมนต์ให้เขา และก็ขอเขาดี ๆ ว่ามาปฏิบัติธรรม กลัว ก็ กลัวค่ะ แต่ประมาณว่า ครึ่งหลับ ครึ่งตื่น

รู้แต่ว่า เขาก็โอเค พอใจ ยิ้มแย้มให้ แต่คืนที่สองก็ไม่ได้ฝันแล้วค่ะ หลับสนิทเลย

(ปล. ไปพักที่ไหนอย่างลืมไหว้เจ้าที่เจ้าทาง และบอกกล่าวเขาด้วยนะค่ะ)

 
บริเวณของบ้านพักเขตสอง ก็เป็นป่าไม่มีไฟ ทางเดินขึ้นลง ของบ้านพัก ไปเขต 1 ไปปฏิบัติธรรม
ต้องตื่นตี 4 อาบน้ำ ล้างหน้า ตี 4.20 น. เดินออกมาพร้อมไฟฉาย (เตรียมไปเอง) มืดมาก เสียงนก จิ้งหรีด ระงม มืดขนาดมองไม่เห็นทาง ไม่กล้ามองหันหลังไป เสียงอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ เดินอย่างเดียว ระยะทางจากบ้านพัก วิโมกข์ ไปถึง เขตหนึ่ง ก็ประมาณสัก 700 เมตร ได้มั่ง เดินประมาณ 10 - 15 นาที วันแรกไม่ชินทางเดินหลงนิดหน่อย เพราะมืดมาก (แต่มันก็เป็นตามทางนะ หลงได้ไงไม่รู้ อิอิ..)



ห้องพักก็มีเตียง ที่นอน หมอน ผ้าห่ม น้ำ 1 ขวด แก้ว 2 ใบ เทียน ธูป ไฟแช็ก ห้องน้ำ 1 ห้อง พร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดห้อง กับห้องน้ำ

ใช้แล้วก็ควรทำความสะอาดก่อนกลับ เก็บที่นอน ให้เรียบร้อยด้วยนะค่ะ




คุณแม่เล็ก อุบาสิกา ผู้ให้หลักธรรม

"คนเราเกิดมาเพื่อ ทำหน้าที่ของตนในฐานะต่าง ๆ ให้ดีที่สุด และเพื่อทำหน้าที่นำพาดวงจิตของตน ณ ปัจจุบันชาตินี้ให้หลุดพ้นจากกิเลสต่าง ๆ ให้มากที่สุด ยังผลเพื่ออนาคต"

"การฝึกวิปัสสนาตามหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เปรียบเสมือนเรือที่นำเราไปสู่นิพพาน แต่เราต้องฝึกฝน อดทน และศรัทธา ที่จะขึ้นเรือพระธรรมวินัย ออกสู่ท้องทะเล มหาสมุทร ที่ต้องลมพายุ กว่าจะไปถึงฝั่งพระนิพพาน"

"การฝึกวิปัสสานา มีมากมายหลากหลายวิธี ตามแต่ครูบาอาจารย์ท่านชี้นำ แต่สำหรับตัวของเรา
"สติปฐาน 4" เป็นทางสายกลางที่พระพุทธองค์ทรงเลือกมาให้เราแล้ว"

 


 
"ธรรมชาติที่รายล้อม มิใช่ให้เรามัวชื่นชม แต่เราควรเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติเหล่านั้น ธรรมชาติจะสอนธรรมะ หรือหลักธรรมให้กับเรา" คำกล่าวนี้ จาก แม่ชีทิพย์


ที่อาศรมมาตา ท่านทานมังสวิรัติ ทุกวัน อาหารเหล่านี้ ล้วนเป็นผักปลอดสารพิษ ผักริมริ้ว ผักที่ญาติโยมนำมาถวาย เพื่อเป็นอาหารให้แม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมได้รับประทานกัน

ขอร่วมอนุโมทนากับทุกท่าน...


การเดินจงกรม ในป่าเขต 4 เหล่าแม่ชี และนักปฏิบัติธรรม ต้องเดินเท้าเปล่า เพื่อฝึกจิต และยอมรับตนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ



นิพพาน... สถานที่แห่งนี้ คือแห่งไหน ใคร ๆ อยากไปให้ถึง...
นิพพาน.... ซื้อหาไม่ได้ ใครให้ใครก็ไม่ได้ ใครพาใครไปก็ไม่ได้

รับรู้ได้...ด้วยจิตของตนเองเท่านั้น....

"ไม่มีใคร พาใครไปได้ แม้แต่พระพุทธองค์เอง ท่านก็ยังเคยตรัส ว่า แม้แต่ตัวท่านเองได้แต่ชี้ทางบอก ให้พระธรรมวินัยเป็นเครื่องมือให้ แต่มิสามารถนำใครไปสู่นิพพานได้ หากผู้ใครต้องการไปสู่นิพพาน ก็ต้องปฏิบัติวิปัสสนาเอาเอง รู้ได้ตัวตนเอง ไปได้ด้วยตนเอง เช่นกัน"






แม้แต่สุนัขในสถานที่นี้ ยังชอบเดินจงกรมไปกับเหล่าแม่ชี เป็นทั้งผู้นำทาง และเป็นผู้ติดตาม






ลานหิน "ผลาญหินสิ้นกิเลส" ปลงกับตนเอง สลายธาตุในร่างกายตนให้กลายเป็นไอเดียวกับธรรมชาติ

คุณแม่ชีไพเราะ "ธรรมะคือธรรมชาติ การฝึกตนให้เข้าถึงธรรมะ คือ การน้อมจิตของเราให้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมะชาติ"


กิเลสนี้ มากนักหนา
เอามันมา ผลาสไปให้สิ้นเสีย...

(คิดต่อบ่ออกเด้อ....)




สวดมนต์ แผ่เมตตา ให้กับสรรพสิ่งในพิภพ...ทุกภพภูมิ

เสียงสวด ดังก้องในดวงจิต
วิญญาณสั่นสะท้าน รับรู้
เสียงสวด ไพเราะ เสนาะหู
สะท้านจิต ผู้รู้ รับฟัง....

ธรรมะอยู่ที่ตัวเรา มิต้องไปค้นหาที่ใด หนังสือธรรมะ บอก พระธรรมวินัย เครื่องมือในการเรียนรู้ธรรมะ แต่เราจะเข้าใจหรือค้นพบ ตัวรู้ จิตผู้รู้ ได้หรือไม่ อยู่ที่ตัวเราต้องปฏิบัติเอง

การเห็นซึ่งทุกข์ หากเราไม่เอาความรู้สึกไปมีส่วนร่วมด้วย เราจะเห็นว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นได้ ก็ดับเองได้ แต่หากเรานำอารมณ์หรือจิตไปร่วมด้วย ความทุกข์ก็มีพลังที่ขยายตัวสุดท้ายก็กลับมาทำลายตัวเองเลย....

อาศรมมาตา สถานที่ปฏิบัติธรรม ผู้ใฝ่หาแสงสว่างแห่งดวงจิต .....

ความประทับใจ...

คุณแม่เล็ก.... ตู๋ประทับใจในความเมตตาของท่าน คุณแม่ให้แง่คิด หลักธรรมะ แก่นของพระธรรมวินัย หลักการปฏิบัติในแบบฉบับย่อที่ชัดเจน คราวนี้ก็อยู่ที่ตัวตู๋เองแล้วค่ะ ว่าจะขยัน อดทน มีมานะ เพียรพยายามฝึกตนเองแค่ไหน บอกไม่มีเวลาคงไม่ใช่ข้ออ้างแล้วค่ะ ในเมื่อ การดำเนินชีวิต ทุกขณะจิต มันคือ การฝึกวิปัสสนาได้ทั้งนั้น ....

คุณแม่ชีไพเราะ... ตู๋ประทับใจในแนวความคิด ปรัชญา ของการฝึกธรรมะโดยการเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ การนั่งสมาธิแบบลืมตา การน้อมจิตให้เข้ากับธรรมชาติ รู้สึกดี สดชื่น และเหมือนร่างกายได้รับความรู้สึกของธรรมชาติมากขึ้นค่ะ

คุณแม่ชีถนอม... ตู๋ประทับใจแนวทางฝึกจิต ตู๋ฝึกมายังไง ก็ไม่สามารถเข้าใจหรือเข้าถึงได้ คุณแม่ได้ให้แนวทางวิธีเริ่มต้นในการปฏิบัติ ตู๋จะพยายามนำกลับไปฝึกฝนค่ะ

แม่ชีทิพย์... ตู๋ประทับใจในอัธยาศัย ความมีเมตตาของพี่แม่ชีมาก ขอบคุณสำหรับคำสอน แนวความคิดดี ๆ ที่แนะนำตู๋ ขอบคุณค่ะ

แม่ชี น้อง ๆ ทุกคน... ตู๋ประทับใจในอัธยาศัย ความเป็นกันเอง ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ตลอดจนแนวความคิดในการปฏิบัติธรรมของแต่ละท่าน ขอบคุณที่แบ่งปัน...ประสบการณ์กันค่ะ

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เพลงสำหรับในหลวงของเรา

เพลงที่คนต่างชาติแต่งให้ในหลวง

สมควรแก่การเก็บ

หม่อมหลวงปริยดา ดิศกุล ประธานมูลนิธิส่งเสริมคุณธรรมได้นำเยาวชนในเครือข่ายเยาวชนพัฒนาศักยภาพประมาณ 20 คน ร่วมร้องเพลงถวายพระพร โดยมี นางเคลลี นิลตั้น (Kelly Newton) นักร้องนักแต่งเพลงชาวออสเตรเลียซึ่งได้เดินทางร้องเพลงมาแล้วทั่วโลกเป็นต้นเสียงในการร้องนำ ในเพลง Long live The King of Thailand ซึ่งนางเคลลี เป็นผู้เขียนเนื้อเพลง และทำนองด้วยตนเอง

สำหรับเนื้อหาในเพลงนางเคลลีกล่าวว่า ตนเป็นชาวต่างชาติแต่ได้ทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและรู้สึกประหลาดใจว่า ผู้ชายคนนี้ได้ทำให้ประเทศชาติมากมายขนาดนี้ ทรงเป็นสามี เป็นพ่อที่ดี ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงมีพระอัจฉริยะภาพหลายด้าน ทางด้านการแต่งเพลงดนตรี หรือการเกษตร พระองค์ทรงเป็นนักแต่งเพลงและดนตรีที่แต่งเพลงและทรงดนตรีได้เยี่ยมยอดมาก ซึ่งตนก็ชื่นชอบเพลง ที่พระองค์แต่งทุกเพลง

นางเคลลีกล่าวอีกว่า แรงบันดาลใจสำคัญที่นำมาซึ่งเนื้อหาในบทเพลงนี้เริ่มต้นมาจาก ตนได้นั่งเครื่งบินของการบินไทยและได้เห็นวีทีอาร์พระราชกรณียกิจในหลวง ซึ่งตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นพระองค์ท่าน ก็ประหลาดใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงได้ทำอะไรมากมายขนาดนี้ เมื่อลงจากเครื่อง จึงได้สอบถามเพื่อนและทราบว่าเป็นพระองค์ท่าน แรงบันดาลใจสำคัญจึงมาจากพระองค์เอง

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ทรงมีความรัก ความเมตตาให้แก่ประชาชนของพระองค์ทุกคน ซึ่งตนสามารถเห็นและสัมผัสได้ พระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างของผู้นำที่ดีของโลกนี้ ที่ผู้นำทุกคนควรจะเป็น
นางเคลลีกล่าวด้วยว่า ตนกับสามีทำฟาร์มอยู่ที่ออสเตรเลีย โดยไม่ใช้สารเคมี มา 20 ปีแล้ว ซึ่งพอทราบว่าพระองค์ท่านมีพระราชดำริเกี่ยวกับการเกษตร ให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพ ปลูกพืชปลอดสารพิษ ก็ยิ่งรู้สึกประทับใจในพระองค์ท่าน คิดว่าเป็นบุคคลที่หาได้อยากที่สุดในโลกแล้ว และเมื่อได้มาประเทศไทย ก็ถามคนที่นี่ว่า ทุกคนรู้สึกอย่างไรกับในหลวง ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เรารักในหลวง ซึ่งตนไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในโลกว่า ความรักที่ประชาชนมีต่อผู้นำประเทศจะมากมายขนาดนี้ และเมื่อทราบว่า พระองค์ประชวรจากเพื่อนจึงได้เดินทางมาถวายพระพร ด้วยการร้องเพลงที่แต่งเอง ซึ่งได้แต่งเพลงนี้เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2550 ใช้เวลา 15 นาที ก็ได้เพลงนี้ออกมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นางเคลลีได้นำเด็กๆในเครือข่ายร้องเพลงนี้บริเวณด้านหน้าศาลา 100 ปี ศิริราช ก็มีประชาชนให้ความสนใจ โดยเมื่อถึงท่อนฮุก Long live the king Long live of Siam ประชาชนที่อยู่ในบริเวณก็ร่วมร้องท่อนฮุกนี้ไปพร้อมๆกัน



เนื้อเพลง


Ever since I saw the face of this man
หลังจากที่ฉันได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้น

The king of Thailand, The king of Siam
กษัตริย์ของประเทศไทย กษัตริย์ของประเทศสยาม

I felt in love with his soul loves this land
ฉันก็หลงรักในความรักที่ท่านมีให้แก่แผ่นดินของท่าน

It's in his eye, it's in his heart, it's in his hand
มันเห็นได้จากสายตาของท่าน จากหัวใจของท่าน และจากมือของท่าน

He is the husband, the father and the king
ท่านเป็นสามี เป็นพ่อ และเป็นกษัตริย์

A great photographer , musician so many things
เป็นช่างภาพผู้ยิ่งใหญ่ เป็นนักดนตรี และอีกหลายๆอย่าง

The way he lives his life is something to behold
การดำเนินชีวิตของท่านมันเป็นสิ่งที่น่าถนุถนอมไว้

His grace, his wisdom , an example to the world
สติปัญญาและความสามารถของท่านเป็นตัวอย่างที่ดีแก่โลกนี้

Long live the king of Thailand
Long live the king of Siam

And in the time when the rain came flooding down
และเมื่อถึงเวลาที่ฝนตกน้ำท่วม

He saved the city with a building of the dam
ท่านก็ช่วยเหลือจังหวัดนั้นไว้ด้วยการสร้างเขื่อน

In time of conflicts, he has always been there
เวลาเกิดความขัดแย้งกัน ท่านก็อยู่ตรงนั้นเสมอ

To stop the fighting just like the father who really cares
เพื่อช่วยหยุดการต่อสู้เหมือนกับพ่อที่ห่วงใยสนใจลูก

Long live the king of Thailand
Long live the king of Siam

I'm watching wonder at the things he understands
ฉันเฝ้ามองท่านและพิสวงสงสัยในหลายๆอย่างที่ท่านทำ

His love for his people, his love for this land
ความรักของท่านต่อประชาชนของท่าน และต่อแผ่นดินของท่าน

His working a great culture, he is one of a kind
ท่านสร้างวัฒนธรรมประเพณีที่สวยงาม ท่านเป็นหนึ่งในล้านจริงๆ
His vision for the future way ahead of their time
ท่านมองเห็นการณ์ไกลมาก

Long live the king of Thailand
Long live the king of Siam

ลองโหลดไปฟังดูนะคะ
กดเลย
http://www.4shared.com/file/28545664/e7191303/Long_Live_King_of_Siam_24-10-07.html?dirPwdVerified=322bb37c

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

บ้านเจ้าพระยา ริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา


บ้านเจ้าพระยา


ริมฝั่งน้ำเจ้าพระยา เมืองปทุมธานี


 

ภาพสายน้ำเจ้าพระยา สายน้ำแห่งชีวิตที่ยังคงบรรยากาศความสดชื่น

และบรรยากาศแห่งวิถีชีวิต...ของชาวไทย

 

บ้านเจ้าพระยา บรรยากาศสวนอันร่มรื่น และริมฝั่งน้ำ .....

 

บ้านเรือเจ้าพระยา...วิถีชีวิตของคนรักสายน้ำ....


 

บ้านเรือไม้เจ้าพระยา...ของลุงจารุโรจน์ สวยงาม น่าอยู่มาก ๆ ค่ะ

  

ศาลาริมน้ำ ลมพัดเย็นสบาย อยากนอนเล่นทั้งวัน....




สุดท้าย....ภาพที่ชอบที่สุด ... บรรยากาศดี สีสวย ภาพสวย...งามมาก ๆ