วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

แกงค์ตะลอนเที่ยวกลับมาแล้วจ้า

จริง ๆ แกงค์นี้ จำได้ไหมมีผู้ชายด้วยนะ แต่มันเป็นคนถ่ายรูปไง เลยไม่ได้อยู่ในรูปนี้
แกงค์ตะลอนเที่ยว หลังจบจากการเรียน ต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน บ้างคนทำงาน บ้างคนเรียนต่อ บ้างคนเป็นอาจารย์ บ้างคนทำงานวิจัย และบ้างคนก็เดินทางไปต่างประเทศ ต่างกระจัดกระจาย ไปคนละทิศละทาง หัวหน้าอย่างฉัน ก็เหงาจังเลย คิดถึง แต่วันนี้มีเสียงตามสายมาถึง น้ำเสียงที่คุ้นเคยจากแดนไกล ชาวแกงค์ตะลอนเที่ยวคนหนึ่งเดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้ว เย้ ฮู้ หู้ ดีใจยังเลย วันก่อนก็เพิ่งได้คุยผ่านออนไลน์กับชาวแกงค์ที่ไปเอาดีในการเป็นครูสอน ทั้ง ๆ ที่ตอนเรียน มันดันเรียนอ่อนที่สุดในกลุ่ม แต่กลับได้ดีทางเป็นอาจารย์ โอ้สวรรค์ สงสารอนาคตของชาติจริง ๆ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก จริง ๆ แล้วเรียนเก่ง ไม่เก่ง ไม่เห็นสำคัญเลย มันเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มั่นใจตนเองมาก และอย่างเรียนต่อเอกคนเดียว การที่ลูกศิษย์ได้ครู ที่มีหัวก้าวหน้า ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก จริง ๆ นะ ไม่ได้พูดเอาใจเลย

ส่วนที่เหลือ ก็ทำงานบริษัท เป็นหัวหน้าในห้องแล็ปบ้าง เป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาด ฝ่ายขายบ้าง บ้างคนก็ว่างงานอยู่ตอนนี้ (ก็ไงตัวหัวหน้านี่แหละ เลยมีเวลามาทำเรื่องแบบนี้ให้คนอ่านเล่น) หลังจากนี้ไปแกงค์ตะลอนเที่ยวจะกลับมาครบทีมแล้ว แต่ด้วยกาลเวลา และวัยอันเปลี่ยนแปลงไปตามหน้าที่การงาน ความรับผิดชอบ ก็ไม่รู้จะได้รวมพลกันเมื่อไร

ฝากสายลม แสงแดด ท้องฟ้า เสียงคลื่น เสียงทะเล เสียงภูเขา เสียงน้ำตก ไปเข้าฝันพวกมันด้วย บอกว่า อยากให้พวกเราได้ไปเที่ยวกันอีกครั้ง เต็นท์เขียว ก็เหงา เป้ฟ้าก็เหงา กล้อง ขาตั้งกล้องก็รอคอยอยู่ รองเท้าลุยน้ำ รองเท้าย่ำป่า อยากออกเดินทางแล้วนะ รู้ไหม

เมื่อไรจะได้เดินทาง เมื่อไรจะได้เจอะกัน ฝากวอนสายลม แสงแดด และเสียงบ่น พร้อมตัวอักษรนี้ ไปตามหาพวกนั่นด้วยแล้วกันนะ ถ้าได้เดินทางเมื่อไร คงมีเรื่องมาเม้าท์ มาเล่ากันอีก.... สาธุ ว่างกันเสียทีนะ อยากไปเที่ยว

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2552

เกาะเต่า ภาพความทรงจำอันประทับใจ

เกาะเต่า ภาพความทรงจำอันประทับใจ การเดินทางล่องใต้ของทริปนี้ นำทีมโดยพี่ที ตำรวจหนุ่ม นักเล่นกล้องมืออาชีพ (หรือเปล่า) รู้แต่ว่าพี่เขาใช้กล้องฟิลม์ แถมเป็นฟิลม์สไลด์ด้วย ภาพที่ได้จึงสวยสด สมจริง วันนี้เก็บของ รือภาพถ่ายออกมา เห็นภาพนี้ สียังสวยอยู่ ก็เลยรีบเอาไป scan มาอวดเพื่อนๆ แต่รอยเปื้อนที่เป็นปื้นนั้นมาจากเครื่อง scan นะ

ภาพนี้เป็นภาพถ่ายที่เกาะเต่า ใครเคยไปเที่ยวบ้าง อ่านแล้วมาโพสต์ ทิ้งรูปไว้อวดกันบ้างนะค่า แถมให้อีกสัก 2 รูปให้ดูแล้วเกิดกิเลสอยากไปเที่ยว

 อันนี้เกาะอะไรเอย  มีหินสีดำทั้งเกาะ   เฉลย เกาะหินงามจ้า....

ภาพสุดท้ายทิ้งท้ายไว้ ให้อยากไปเที่ยวกัน ทะเลเมืองไทยสวดงามไม่แพ้ที่อื่น แน่ๆ ค่า

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2552

ร้อนนะ มาพักร้อน (หนีเที่ยวกันดีกว่า)

ร้อนนะ มาพักร้อน

หน้าร้อนปีนี้ อากาศเป็นยังไงกันนะ แปรปรวนจริง ๆ เดี๊ยวร้อน เดี๊ยวฝน เดี๊ยวชื้น เดี๊ยวแฉะ เดี๊ยวอ้าว เดี๊ยวอบ โอ้ย...ร้อนจังเลยฮู้...

ไม่ได้แล้วแหละ อากาศร้อนอย่างนี้ ทำงานไม่ได้ ถึงอยู่ห้องแอร์ก็ไม่ดี ต่อสุขภาพ และประสิทธิภาพการทำงาน ไปกันเถอะ ร้อนนะ ต้องพักร้อน...

เอาหาเวลาว่างกันหน่อย หาวันว่างกันนิด หาวันหยุดกันเลย "ไปพักร้อนกัน ไปทะเลกันดีกว่า ปล่อยใจให้สุขสันต์ ไปเที่ยวลมโต้คลื่น ให้สดชื่น และสมหวัง..."

ไปนะ... ใครจะได้ไป ใครยังไม่ได้ไป ใครจะหาเวลาไป มาดูภาพทะเลแบบว่า บริ้วกันก่อน จะได้มีกำลังใจ และตื่นเต้นคลายร้อน
เกาะเต่าจ้า สวยไหม อยากไป อยากไป

เกาะราวี ไปแล้วต้องไปอาดังด้วย เพราะอาดังราวี ไงจ้า


อันนี้เกาะเสม็ด ใกล้ ๆ ไปง่ายดีไหมค่ะ ไปซิ ไปนะ ไปกันเถอะ

เกาะภูเก็ต น่าไปนะเนี่ย อาหารอร่อยดีจัง อยากให้ไปเที่ยวกัน

ภาพสุดท้าย เกาะล้าน พัทยานี่เอง น่าสนใจไหม ใกล้ ๆ เลยนะเนี่ย

เป็นอย่างไรบ้าง อยากไปเที่ยวที่ไหนกัน ไปแล้วก็ส่งข่าวมาให้อิจฉาเล่นหน่อยนะจ้า..... มาเล่าเรื่องให้คลายร้อนกันจ้า

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

ถ้ำธารลอดใหญ่ จังหวัดกาญจบุรี

ถ้ำธารลอดใหญ่ จ.กาญจบุรี




มหัศจรรย์ธรรมชาติสร้างไว้ คนหนึ่งในชีวิตควรได้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์เหล่านี้ โลกที่กว้างใหญ่มีสิ่งสวยงามให้ค้นหา ออกไปค้นหามาเป็นประสบการณ์ชีวิตกันดีไหม


ณ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ จ.กาญจบุรี การเดินทางจากถ้ำธารลอดน้อย สู่ถ้ำธารลอดใหญ่ เป็นระยะทางกว่า 2.5 กิโลเมตร เส้นทางเดินเข้าสู่ป่า และภูเขาสู่ชัน ทางเดินสะดวกสบาย แต่มีความชันให้ไต่ระดับไปเรื่อย ๆ จุดหมายสูงสุดก็คือ ความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาตินั้นเอง


ดังคำว่า "เขาสูงชันแค่ไหน ไม่สูงเกินกว่าใจของเรา" ถ้าใครได้ไปเที่ยว สู้ ๆ นะค่า พยายามเดินให้ถึงจุดหมายที่เราวางไว้ จากประสบการณ์การเดินทางครั้งนั้น มีหลายกลุ่มที่เดินไปไม่ถึง ทำให้ต้องกลับมาเที่ยวอีกครั้ง


รับรองว่าขึ้นไปถึงคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศรอบ ๆ ที่แสดงจะสวยงาม และสงบ


นอกจากภาพแห่งความมหัศจรรย์ตามธรรมชาติ ยังมีร่องรอยของความมหัศจรรย์แห่งพุทธศาสนาให้เราชาวพุทธได้เคารพและบูชากันอีกด้วย คือ รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
มีทั้งหมด 2 รอย คือ พระบาทซ้าย และพระบาทขวา
เอามาให้ดูแค่ชิมลางก่อน อยากให้ไปเยี่ยมสักการะและกราบไหว้เองกันมากกว่า ฝากไว้นะ อยากให้เปิดโลก ก้าวออกไปข้างนอกกัน ช่วยกันนิด แบบว่า สโกแลน "เที่ยวเมืองไทย เศรษฐกิจครึกครืน" อะไรประมาณเนี่ย

วันอาทิตย์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2552

หรรษาหน้าร้อนกับภาพความหลัง


หรรษาหน้าร้อนกับภาพความหลัง

ภาพบรรยากาศเก่า ๆ กับความสนุกของเพื่อน ๆ ภาพความมันส์ สมัยไปเที่ยว ว้าว...ขึ้นต้นซักเมื่อนานมาแล้ว จริง ๆ แล้วไม่นานมานี่ได้ไปเที่ยวทะเลไม่ไกลกรุงเทพกับเพื่อน ๆ นั้นก็คือ เกาะล้าน พัทยา วันนี้ได้เปิดดูภาพ เห็นภาพนี้แล้วขำดี คิดถึงเจ้าดำแกงค์ตะลอนเที่ยว ยังจำได้ไหม ภาพนี้ถ่ายเพราะว่าอยากได้ภาพมันส์ มันส์ ก็เลยได้มา มันส์ดีไหม ภาพตีลังกา เพื่อน ๆ ที่ไปเป็นกลุ่มคงได้มีใครบ้าทำอย่างนี่บ้างแหละ ในเมื่อคุณได้มาอยู่ท่ามกลางบรรยากาศเป็นใจ ท้องฟ้า ท้องทะเลสีคราม สายลมพัดผ่าน และเสียงยุของกลุ่มเพื่อน คงมีใครสักคนในกลุ่มคุณที่บ้าทำอยู่แล้ว ถ้ามีภาพแนวนี้ก็มาโพสต์ให้ดูกันบ้างนะ...

ภาพนี้ เป็นหนึ่งในกลุ่มแกงค์ตะลอนเที่ยวเช่นกัน ฉายาก็คือ ต้องสนุก ไปไหนก็มีหน้าที่เที่ยวให้สนุก เห็นภาพนี้รับประกันความสนุกได้เต็มที่เลย เย้...เย้...เย้... มันส์พระยา ค่ะ...........
ภาพสุดท้าย ที่เอามาฝาก ใช้วิธีการตั้งกล้อง เตรียมจะทำท่ากัน แต่ไม่ทันเห็นไหม ท่าเตรียมตัวนะเนี่ย ตลกจะตาย....ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอามาฝาก เล่น ๆ แต่อยากดูภาพของคนอื่นด้วย นะ นะ นะ เอามาลงดูกันหน่อย แบบว่า อยากให้ความเครียดหายใจ เหลือแต่รอยยิ้มไว้ให้กัน...

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2552

น้ำตกระทึก



ถ้ามีใครถามว่า เหตุการณ์ใดที่ประทับใจเรามากที่สุด?คำตอบแรกที่คิดได้ก็คือ ตอนไปเที่ยวเขาใหญ่คนฟังก็คงฟังแล้วสงสัย มีอะไรประทับใจที่เขาใหญ่หรือ????ไม่ต้องเสียเวลานั่งคิดย้อนกลับไป
สามารถเล่าให้ฟังได้ทันทีเลยค่ะว่าเหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้..................

พวกเราแกงค์ตะลอนเที่ยว อันประกอบด้วย เราพี่ใหญ่คนขับรถ เจ้าเนวิกคนบอกทาง เจ้าเอ้คนเก็บตังค์ เจ้านิกคนซน เจ้าไผ่จอมล่องหน และเจ้าดำคนขนของ วันนั้นเราขับรถออกจากกรุงเทพแต่เช้า กินกันไป คุยกันไป ร้องเพลงกันไป (ออ เราบอกหรือยังไว่า พวกเราชอบร้องเพลง เป็นแกงค์คาราโอโกะด้วย) ขับไปเรื่อย ๆ ตรงไปเรื่อย ๆ เจ้าเนวิกก็ตะโกนเสียงดังว่า "เลี้ยวซ้าย" เราก็หักพวกมาลัยเลี้ยวซ้ายได้ทันทีด้วยความเร็ว 120 เสียงล้อรถดังเอียดแฟ้บ!!!!!! ไม่ต้องตกใจ ปกติของพวกเราอยู่แล้ว เนวิกมันบอกแบบนี้ประจำ 555 .... ถึงทางขึ้นเขาใหญ่ เป็นทาง 2 เลน สวนกันแคบ ๆ ด้านหนึ่งเป็นหน้าผา ด้านหนึ่งเป็นภูเขา ทางชัน และมีโค้งอันตรายระดับหนึ่งขับขึ้นไปถึงอุทยาน ก็พบว่ารถน้ำมันจะหมด (กรรมจริง ๆ เรามันไม่ได้คิดดูก่อนขึ้น) ติดต่อเจ้าหน้าที่พักแรมเรียบร้อย ก็เลยบอกว่าจะขับรถลงไปเติมน้ำมันใครจะไปบาง ปรากฏมันไปกันหมดเลย บอกว่าลงไปหาอะไรกินด้วย (เวรจริง ๆ ไอ้พวกนี้ สเบียงที่ขนมา ยังไม่พออีกหรอ...) ระหว่างทางขับรถลงจากเขาใหญ่ เราก็ได้กลิ่นอะไรไหม้ ๆ "เฮ้ย ได้กินอะไรเหม็น ๆ มั้ย" "ไม่ได้กลิ่น" เจ้านิคบอก แล้วก็แหกปากร้องเพลงต่อ "พี่เบรกรถไม่ค่อยอยู่อ่ะ" เสียงเราซีเรียลพูดขึ้น ทั้งรถเงียบ............................ รถไหลลงไปตามทาง ความเร็วค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เราหักพวงมาลัยซ้าย ขวา ไปตามทาง พร้อมเหยียบเบรกที่ไม่อยู่ ทำให้มีควันและกลิ่นเหม็นไหม้มากขึ้น เราเอ่ยคำพูดออกไปแบบไม่รู้ตัวว่า ......"ถ้ารถช้าลงพอโดดออกได้ ให้โดดลงจากรถเลยนะ" เงียบไม่มีเสียงตอบรับ ไปช่วงเวลาหนึ่ง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า "ไม่อยู่ด้วยกัน ไปด้วยกัน รอดด้วยกัน" เจ้าเอ้ตะโกนขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ แต่มันดังก้องอยู่ในใจเรา ช่วงเวลานั้น ความคิดที่จะต้องให้ทุกคนปลอดภัยและรอดให้ได้ก็เกิดขึ้น และส่งผลให้เราเห็นทางแยกออกจากถนนหลักเล็กน้อย ที่มีพื้นที่จอดรถเล็ก ๆ และมีด้านหนึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ช่วงเวลานั้นเรายกเบรกมือ เหยียบเบรกให้มิ ปรับเกียร 1 และหักรถให้ชิดกับด้านเขา จนถึงทางแยกนั้นก็หักรถเข้าไป หวังว่าจะใช้ต้นไม้เบรก ทันใดนั้นรถก็หยุดห่างจากต้นไม้เพียง 1 เซนต์ มันหยุดเอง เบรกมันทำงาน.......... หลังรถจอด ทุกคนรีบเปิดประตูรถออกมา เสียงหายใจดังออกมาอย่างโล่งอก เราไปเปิดกระโปรงรถ กลิ่นไหม้ที่เกิดขึ้นเกิดจากผ้าเบรกไหม้ เสียงเจ้านิคตะโกนบอกว่า "มีน้ำตกด้วย ตรงนี้มีน้ำตกด้วย" พวกเราวิ่งไปดู และพูดคุยกันเสียงดังเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วก็หัวเราะกัน สุดท้ายพวกเราก็ได้ตั้งชื่อน้ำตกนั้นว่า "น้ำตกระทึก" นี่คือที่มานั้นเอง และหลังจากพักผ่อนกันสักพักพวกเราก็ขับรถต่อไปเติมน้ำมัน และขับขึ้นไปเขาใหญ่ต่อ ขากลับก็ไม่มีเหตุการณ์เช่นตอนแรกแล้ว
หลังจากกลับจากทริปนี้ เราเคยถามพวกน้อง ๆ ว่า ตอนพี่ให้โดดออกจากรถ ทำไมไม่มีใครโดด ซึ้งใจวะ เป็นห่วงเป็นไยกัน............
คำตอบที่ได้จาก เจ้าพวกนั้น มีดังนี้ ........................................
เจ้าเนวิก "บ้า โดดไปก็ตายซิ ตอนนั้นมือกันเกาะรถไม่ปล่อยเลย"เจ้านิก "อ้าว...ที่บอกเรื่องจริงหรอ ที่เบรกไม่ได้" (กรรม...มันนึกว่าเรื่องสนุก)
เจ้าไผ่ "ฉันนะกลัว เรื่องอะไรจะตายคนเดียว มีเพื่อนตายดีกว่า" (กรรม....มันกลัวเหงา)
เจ้าดำ "ก็กำลังลุ้นพี่อยู่นะแหละ ไม่ได้คิดอะไร"
เจ้าเอ้ "ใครจะบ้าโดด รถมันเร็วจะตาย ก็เลยบอกไปอย่างนั้น จะได้อยู่ด้วยกัน" (กรรม....คำตอบมันทำเอาเราพูดไม่ถูก....)
เนี่ยแหละ น้ำตกระทึกที่ประทับใจ Visit Cute-Spot.com!

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2552

ญี่ปุ่นโออิชิ


โออิชิ แปลว่า อร่อยมาก
ได้มีโอกาสเดินทางไปญี่ปุ่น เพื่อทำงาน หลังเสร็จสิ้นงาน ได้ไปทานอาหารญี่ปุ่น ปลาดิบร้านหนึ่ง เห็นคนรอคิวกันยาวมาก ก็เลยคิดว่า คงอร่อย ไม่ซิต้องอร่อยแน่ ๆ เลย ทนหนาวไปต่อคิวรอกินด้วย ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ก็ใช้ภาษามือ ภาษากาย กัน เข้าไปในร้าน เขาคงถามว่ามีกี่คน คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ยกมือไว้ก่อนว่ามา 2 คน เขาก็ชื้ไปที่โต๊ะ หรือบาร์

เราเลือกบาร์ เพราะว่าจะได้ชื้ได้ว่าจะเอาอะไร โชคดีเมนูก็มีภาพประกอบ ภาษาญี่ปุ่น แหม ไม่มีภาษาอังกฤษเลยแหะ .... เอาอันนี้ อันนี้ และอันนี้ แล้วกัน ชี้ ๆ แล้วสั่ง เขาก็ถามว่าจะอะไรไม่รู้ แต่ประมาณว่าจะรับน้ำอะไร เราก็ชี้ ๆ ว่าน้ำชาเขียว ร้อน ไม่รู้ว่าต้องนั้นสื่อสารอะไร รู้แต่ว่าเดาเอาเองทั้งหมด เขาก็เก่งที่รู้เรื่อง แปลกดีนะคนเรา

เป็นไงปลาดิบแท้ ตำรับญี่ปุ่น น่าทานมาก อร่อยมาก หวานมาก เขียนแล้วอยากกินอีกครั้ง

ปลาแซลมอนหวาน อร่อย ไม่มีกลิ่นคาวเลย ปลาหมึกยักษ์ก็หวาน ไม่เหนียว แต่นุ่ม อร่อยมาก ๆ สุดยอด ความหวาน อร่อย ไม่เคยกินอาหารญี่ปุ่นอร่อย ขนาดนี้เลย โค ตะ ระ อร่อย ว้าว "โออิชิ"

ลองสักปลาไหลมาทานด้วย เป็นครั้งแรกที่ทาน รสชาติแปลก ๆ แต่ก็อร่อย ญี่ปุ่นเขาทำอาหารง่าย ๆ ปรุงรสน้อยมาก แต่รสชาติอร่อยจากธรรมชาติจริง ๆ มื้อนั้นทานกันไปหลายอย่าง แต่จานเด็ด ที่ประทับใจจริง ๆ คือ ปูอลาสกา อร่อยมากที่สุด จนลืม ถ่ายรูปมาอวด เราแกะปูไม่เก่ง ทำไม่คล่อง จนพนักงานเขาเอาไม้แกะปูมาให้ และสอนวิธีการใช้ไม้แกะปูด้วย ทำให้มื้อนั้นได้ กินปูจนอิ่มไปเลย ฝากขอบคุณไปด้วย "อาริกาะโตะ"


เนี่ยแหละอาหารญี่ปุ่น มื้ัอพิเศษ โออิชิ จริง ๆ
แม้...มันอร่อยจน หยุดไม่อยู่จริงๆ

นี่แถม ภาพบรรยากาศนะตอนนั้น

วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2552

สายรุ้งข้ามขอบฟ้า

การเดินทางท่องเที่ยว ไม่ว่าจะใกล้ ไกล แค่ไหน หัวใจของคนเดินทางย่อมคิดถึง "บ้าน" กันทุกคน คิดถึงคนที่รัก ที่ผูกพัน อยากให้ได้มามีส่วนร่วมในประสบการณ์เหมือน ๆ กัน ครั้งนั้น...เราเดินทางขึ้นเหนือ ด้วยรถยนต์ ระหว่างทางเดินฝนตกตลอดทั้งวัน การเดินทางดูยากลำบาก และน่าเบื่อ การเดินทางไปทำงานในครั้งนั้น หัวใจที่อ่อนล้า และเหน็ดเหนื่อยอยากจะหยุดพัก แต่ด้วยความรับผิดชอบ และหน้าที่ จำต้องเดินทางออกจากบ้านไป นั่งรถไป เสียงสายฝน เคล้าเสียงเพลง บรรยายกาศเย็น และเหงา คิดถึงเธอ.... แม้นจะคิดถึงมากเพียงใด ก็ได้แต่ส่งเสียงไปตามสายโทรศัพท์ ป่านนี้เธอ...ทำอะไรอยู่นะ

ฝนหยุดตกแล้ว แสงก็ออกทันที หยดน้ำที่ข้างกระจกก็ค่อย ๆ แห้ง ระเหยไป รถขับเข้าไปจอดพัก เพื่อแวะหาอะไรทาน เข้าห้องน้ำ ห้องท่า ฉันเดินคอตก เซ็ง ออกจากรถไป แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า ซึ่งปรากฏสายรุ้งในท้องนภา หันกลับไปคว้ากล้องมาถ่ายไว้ (อยากดู เข้าไปดูซิ ว่ารุ้งสวยไหม

สายรุ้งถักทอดข้ามขอบฟ้า ส่งความคิดถึงมาให้เธอ ...
สุดปลายสายรุ้งของฉัน คือ เธอ
สุดปลายสายรุ้งของเธอ คือ ใคร....

ความคิดถึง ฝากคำนึง ถึงคำหวาน
จากกันนาน เธอรู้ไหม ฉันคิดถึง
หากคำรัก ที่ฝากไว้ ไม่คำนึง
คำว่าฉัน คิดถึงเธอ คงไม่แค่...

ถักสายรุ้ง ข้ามขอบฟ้า ฝากคำรัก
ให้ประจักษ์ คำว่ารัก และคิดถึง
ถักสายใย ข้ามขอบฟ้า ฝากรำพึง
สายลม แห่งความ คิดถึง มาให้เธอ...