วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

น้ำตกโคกครามกับเขื่อนขุนด่านปราการชล

น้ำตกโคกคราม น้ำตกธรรมชาติที่ซ่อนตัวหลบเร้นนักท่องเที่ยวแบบเรามาอยู่ในเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก แห่งนี้ 

เส้นทางเดินสู่น้ำตกสายที่สอง ในเขื่อนขุนด่าน เมื่อเรือล่องจากน้ำตกแสงน้อย จากมาด้วยความอาลัย (อยากเล่นน้ำต่ออ่ะ...) แต่น้ำตกแห่งนี้น้ำเยอะมาก เล่นน้ำได้สนุกไม่แพ้แห่งแรกนะ เสียงหลอกล่อ ให้เราต้องยอมจากมา และเดินทางมุ่งตรงขึ้นไปยังน้ำตกสายที่สอง ระยะทางเดินก็ไกลว่าแห่งแรก และค่อนข้างชันมากด้วย เดินมา เห็นแต่หลังเพื่อนร่วมแกงค์... (แบบว่าเดินช้าอ่ะ...นะ)
อากาศร้อนภายนอก แต่น้ำตกเย็น ทำเอาขาเราเป็นตะคริว ก้าวไม่ค่อยออก แต่ได้ยินเสียงแต่ คนแก่... แก่แล้ว... "มาว่าเขา แล้วไม่ช่วยกันเลย..." ต้องป่ายปีน ขึ้นก้อนหินใหญ่ ทั้งขรุขระ ทำเหนื่อย เดินไปบ่นไป..

ปีนก้อนหินใหญ่ขึ้นไปแล้ว พักชมบรรยากาศกัน ข้างบนสบายไหม ข้างล่าง เหนื่อยอ่ะ... รับกล้องหน่อย...ปีนไม่ขึ้น..

ส่งกล้องไปแล้ว มือว่าง ปากว่างมานานแล้ว ปีนไป ส่งเสียงร้อง ถ่ายหน่อย ถ่ายหน่อย เอาถ่ายรูป ทุกคนแอ๊ก...

เดินป่า ไต่หินมาได้สักพัก ได้ยินเสียงน้ำตกดังมา ถึงแล้ว ทนหน่อย จะถึงแล้ว... ภาพแรกเมื่อน้ำตกโคกครามปรากฏโฉมแก่สายตา งดงาม สายน้ำตกใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผา น้ำเหล่านี้ไหลผ่านน้ำตกเหวนรกจากเขาใหญ่เดินทางผ่านป่าเขาจนมาถึง ณ ที่แห่งนี้ สายน้ำเดินทางมายาวนาน มีประวัติศาสตร์ มีเรื่องราวการเดินทางของมัน สายน้ำเย็น..ฟองขาวทำให้พวกเราอดใจไม่ไหว ต่างวิ่งลงไปเล่นน้ำตกกัน หายเหนื่อยจากการเดินทางไปอีกครั้ง...

  
สายน้ำใส เสียงดัง ไหลรินมาจากป่าต้นน้ำ น้ำเย็น น้ำใส มีปลาแวกว่าย น่าลงเล่นที่สุด

  
ภาพเหล่านี้ การันตีได้ไหมว่าจะสนุกขนานไหน มันส์มาก ๆ เล่นกันให้ชุ่มปอด... อุ๋ย...ตะคริวกินอีกแล้ว...
ยัง...ยัง..ยังไม่จบ ยังมีน้ำตกอีกแห่งหนึ่งที่เราต้องพาคุณไป น้ำตกใหญ่สุด สวยงามมากที่แอบซ้อนอยู่ในเขื่อนขุนด่านปราการชล นครนายก แห่งนี้

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ความสุขส่งมอบให้เพื่อน ๆ



... ฉัน พูดกับพุทธองค์ว่า

ฉันพูดกับพุทธองค์ว่า    :    ขอให้เพื่อนของฉันทุกคนมีความสุข สุขภาพดี ตลอดไป
พุทธองค์ตอบว่า :   ขอได้เพียง 4 วันเท่านั้น


ฉันตอบว่า : ได้   ถ้างั้นขอวันฤดูใบไม้ผลิ   วันฤดูร้อน   วันฤดูใบไม้ร่วง   วันฤดูหนาว
พุทธองค์ตอบว่า : 3 วัน

ฉันตอบว่า : ได้   เมื่อวาน   วันนี้   วันพรุ่งนี้
พุทธองค์ตอบว่า   : ไม่ได้   ให้ได้แค่ 2 วัน

ฉันตอบว่า : ได้   งั้นเป็นกลางวัน และ กลางคืน
พุทธองค์ตอบว่า   : ไม่ได้มากไป   ให้ได้วันเดียว

ฉันตอบว่า : อ๋อ ได้  
พุทธองค์ถามว่า : วันไหนล่ะ

ฉันตอบว่า : ขอเป็นวันที่เพื่อนๆของฉันยังมีชีวิตอยู่
พุทธองค์หัวเราะ แล้วพูดว่า : นับแต่นี้ไปเพื่อนๆของเธอจะมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรงทุกๆวัน

 ขออวยพรให้เพื่อนๆ ของคุนทุกคนมีความสุข สุขภาพดี
อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย   ดูแลตัวเองด้วย (อย่าลืมส่งความอบอุ่นไปด้วยล่ะ)

ปล.   พุทธองค์พูดว่าเพื่อนที่ดีไม่ควรขาดการติดต่อ

โปรแกรมล่องเรือชมธรรมชาติในเขื่อนขุนด่านปราการชล

ล่องเรือเขื่อนขุนด่านปราการชล
จ.นครนายก
เขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เก็บกักน้ำได้มาก จากน้ำตกเหวนรกจากเขาใหญ่
เรือหางยาว ที่ใช้ในการให้บริการล่องเรือชมวิวในเขื่อน มีหลังคามุ้งกันแดดค่ะ 
เมื่อทำการติดต่อเรือ แล้ว ค่าบริการคิดเป็นรายหัว คือคนละ 200 บาท ไปกี่คนก็ได้ 
ให้จอดรถไว้ที่จอดรถ บนเขื่อน แล้วทางคนเรือจะใช้รถกระบะมารับ พร้อมแจกเสื้อชูชีพให้คนละตัว คนละตัวเท่านั้น ห้ามเอาเยอะ
เสื้อชูชีพก็ใหม่ สภาพใช้ได้ดีกว่าไปล่องแก่งอีก ที่บ้างตัวเชือกก็ขาดแล้ว
เมื่อแต่งตัว ใส่ชูชีพเสร็จ ก็ไปขึ้นเรือกันเลย ลำไม่ใหญ่ นั่งได้ประมาณ 8 -10 คน
มีคนขับเรืออีกคน
  
วิธีลงเรือ ก็ต้องทรงตัวให้ดีนะจ้า แล้วนั่งคู่กันทำหน้าสลอน ดังรูปจ้า (ไม่งั้นถ่ายรูปไม่ติดนะค่ะ) แต่คนถ่ายรูปไม่ติดจริง ๆ เพราะเป็นคนถ่าย ไม่ผิดกติกา...ฮา..ฮา
 
เรือวิ่งมุ่งหาเข้าไปในเขื่อน ตรงข้ามกับเขือนดิน สองข้างทางที่ล่องไป มีต้นไม้ยืนต้นตาย โผล่ออกมาจากใต้น้ำ บรรยากาศดี อากาศไม่ร้อน สงบ สบาย เย็นดี มาก ๆ ค่ะ ...ชิว ๆ นะค่ะ
น้ำตกแสงน้อย น้ำตกแห่งแรกในบริเวณเขื่อนขุนด่านที่เรามาเยือน
ที่มาของชื่อ... ถามคนเรือ ก็ได้คำตอบว่า....ตอบว่า....ตอบว่า... คนเรือตั้งกันเอง...อ้าว...
แสดงว่ามีความหมายว่า น้ำตกนี้แสงส่องถึงน้อย ไม่ค่อยสว่างอ่ะ....
   
 
น้ำตกน้ำเยอะมีนะในเดือนนี้ รีบไปเทียวกันได้เลย เรือก็มาเทียบถึงที่น้ำตกนะ แต่.... ที่ถ่ายมาให้ดูข้างบนมันเป็นชั้นล่างจ้า ...ต้องเดินขึ้นไปอีกระยะหนึ่งเชียว แต่ไม่ไกลหรอกค่ะ กำลังเหลือเฟือ...
เมื่อมาถึงน้ำตกและแอ่งที่ให้เล่นน้ำก็ลุยเลยค่ะ น้ำเย็นสบาย ใสมาก สนุกสุด ๆ นี่แค่น้ำตกแรกนะค่ะ คนขับเรือก็ปล่อยให้เราเล่นตามสบาย แต่ก็มีเตือนเล็กน้อยว่ายังมีน้ำตกอีก 2 ที่นะ

  
โชว์เบื้องหน้า หน้าตาของแกงค์ตะลอนเที่ยว (ถือโอกาส อธิบายสักนิด เริ่มต้นจากทางซ้ายมือเสื้อขาว นายต. คนขับ ถัดมาสมาชิกใหม่เขยกลุ่ม เขย น. ถัดมาคนข้างหลังด้านขวาสุด เนวิกเกเตอร์ จ. ขวามือสุดด้านหน้า เหรัญญิก ป. ตรงกลางเสื้อแดง หัวหน้าแกงค์ ต. และคนสุดท้าย สาวน้อย ก.) เห็นหน้าค่าตากันแล้ว ก็ไว้เจอะกันที่ไหน ไม่ต้องทักนะค่ะ แบบว่า...อายอ่ะ... อิ..อิ
.......................................................
  
เพียงแค่น้ำตกแรก ยังมีเรื่องเล่ามาก ๆ คงต้องไปต่อกันอีกที่....ในน้ำตกโคกครามกับเขื่อนขุนด่าน

 ....ติดตามอ่านกันหน่อยนะจ้า.....

วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพกับทริปนครนายก

ทริป 1 วันกับนครนายก

ทริปแรกของการกลับมาของแกงค์ตะลอนเที่ยว เริ่มต้นนัดกันตั้งแต่ต้นเดือน สรุปได้ในวันที่ 23 สิงหาคม 2552 (แต่ละคน busy มาก ๆ แบบว่าระดับผู้บริหาร ถ้าขาดงานแล้วจะธุรกิจจะขาดทุนกว่าร้อยล้าน....ฮึ..ฮึ)

งานนี้คนจัดโปรแกรม ก็เป็นหน้าที่หัวหน้าแกงค์ (ยัย..ต) รับหน้าที่ในการ set program ซึ่งเบื้องหลังเจ้แกก็ทำการเปิดเนตแล้วหาข้อมูลเพียง 15 นาที แล้วส่งโปรแกรมเสนอไปยังลูกทีม.... คำตอบที่รอคอยหายไปกว่า 1 อาทิตย์ จากโปรแกรม 2 วัน 1 คืน ลดเป็น 1 วัน จากโปรแกรมล่องแก่ง Avenger สุด ๆ ก็เริ่มไม่มั่นคงเสียแล้ว ....แต่คำตอบจากหัวหน้าแกงค์ "ไม่ต้องห่วงพี่เซตไว้แล้ว ไปได้เลย เป็นวันเดียวกลับ"  ลูกแกงค์ได้ฟังดังนั้นก็สบายใจ...(ละมั่ง)

เวลานัดเริ่มต้นที่ 8.30 น. ที่รังสิต ข่าวล่ามาว่า เจ้า..ม. จากตากจะมาด้วย นัดกัน 8.00 น. (เจ้านี้ นัดยาก นัดเย็น แบบว่า ...นัดแล้วใยไม่มา นัดแล้วลืมสัญญา ประมาณนั้น... สุดท้ายก็เฟค...จนได้ พี่แกไม่มาอีกแล้ว ... พอคุยกัน ก็แบบว่า... ขอบอกผ่านตัวอักษรนี้ฝากสายเนตไปว่า "เพื่อน ๆ ให้อภัยแล้ว ส่งข่าวด่วน....

การเดินทางเริ่มจากรังสิต เส้นทางนครนายก วิ่งตรงไปเรื่อย เข้าเขตอ.เมือง และเส้นทางสาย 3049 ไปยังน้ำตกนางรอง และเขื่อนท่าด่าน ทริปนี้เรามีผู้ชายแค่ 2 คน จึงขอใช้คำว่า "ผู้ชายมีน้อย ต้องใช้สอยให้ประหยัด และมีประโยชน์" กล่าวคำนี้ แล้วก็ใช้มันทั้งสองขนของ และขับรถ ตามคอนเซ็ป...อิอิ (ใครจะกล้าหือ...แกงค์นี้ผู้หญิงเป็นใหญ่)

ในรถ หัวหน้าแกงค์ก็ส่งกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีในนครนายก ให้ลูกทีมเลือก สรุปว่ากิจกรรมที่อยากทำแบ่งเป็นหลายกลุ่มกัน เช่น โรยตัว จิ้งจอกเหินเวหา บีบีกัน เที่ยวน้ำตก ลงเรือเที่ยวเขื่อน ซึ่งระหว่างทางก็มีกิจกรรมล่องแพ โรยตัว ATV อยู่ระหว่างทางหลายเจ้าด้วยกัน แล้วแต่จะเลือก ซึ่งระหว่างขับรถผ่านไป ลูกทีม A เอย...ขึ้นมาว่า จิ้งจกเหินเวหา แบบว่า อ่านผิดจากคำว่า จิ้งจอกเป็นจิ้งจก.... (อาการ ฮาแตกจึงบังเกิดขึ้นบนรถ....อิ อิ เอา ฮา............)  สำหรับกิจกรรมเมื่อได้สอบถามพบว่าบางกิจกรรมไปน้อยก็เล่นได้ บางกิจกรรมก็กำหนดขั้นต่ำ เช่น โรยตัวหน้าผาจริง เน้นว่า ต้องไปตั้งแต่ 8 คนขึ้นไป ราคาก็เท่ากันทุกเจ้า เลือกเอาเองนะจ๊ะ... (แบบว่า...การท่องเที่ยวทำงาน ควบคุมราคาได้ดีมาก...)

ระหว่างทางเห็นแวะไปไหว้พระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในนครนายก งานนี้คนเยอะมาก เพราะว่ามีพิธีบูชาพระพิฆเนสร่วม 9 องค์ มีพราหมมาทำพิธีด้วย เตรียมการขากล้อง กล้องถ่ายรูป เอาลงไป แต่ปรากฏว่า ลืมเอาถ่านไป ถามลูกแกงค์...เจ้า ก. ปรากฏว่า เอาถ่านมาแค่ 2 ก้อน กรรม...ละซิครับ กล้องนี้ใช้ถ่าน 4 ก้อน เวร....ไปกันมากี่เที่ยวแล้วหือ... งานนี้โชคช่วย... ลูกแกงค์อดีต เนวิกเกเตอร์ จ. เอากล้องพกติดตัวมา เลยได้ถ่ายเก็บบรรยากาศ อิอิ...รอดไป เดียวค่อยไปแวะซื้อถ่านใหม่...

ในงานพิธี... มีพระพิฆเนศ องค์ใหญ่เป็นพระประธาน ท่านมีหนู เป็นข้ารับใช้ เวลาเราไปไหว้ ก็ทำการจุดธูป เทียน ไหว้และอธิฐาน และเดินวนองค์ท่านอีก 3 รอบ และลงไปบอกเล่าคำอธิฐานให้กับรูปปั้นหนูที่เป็นข้ารับใช้ของท่าน เพื่อให้เจ้าหนูตัวนี้นำคำอธิฐานไปเตือนท่านเพื่อให้คำอธิฐานของเราเป็นจริง ทั้งนี้ วิธีการบอกกับเจ้าหนูคือ ... ไปกระซิบที่หนูข้างหนึ่ง อีกข้างให้เอามือปิดไว้... งานนี้พวกเราก็ทยอยกันทำ แต่คุณรู้ไหมว่า การที่รูปปั้นหนูซึ่งเป็นเหล็กสำริดตั้งอยู่อย่างนั้นตรงจุดเดียว และมีแสงแดดส่อง เวลาเรากระซิบ และเอามืออีกข้างไปป้องปิดหูหนูไว้ มันร้อนแค่ไหน ตอบได้เลยว่า ร้อนโค..ร..ต... มือพองแดงกันเป็นแถว ๆ แต่จำต้องทน เพื่อพรอันศักดิ์สิทธิ์ กลัวไม่ได้พร มือประกบป้องหูหนูไปเต็ม ๆ ร้อนก็ทน คำอธิฐานก็ยาว โอ๋...มายก็อต (ต้องจดจำกันไปอีกนานเลยแหละ....ความร้อนนี้...)

จากนั้นก็ขับรถไปเที่ยวเขื่อนท่าด่าน หรือชื่อเต็มว่า เขื่อนขุนด่านปราการชล ชื่อเล่นว่า เขื่อนคลองท่าด่าน ซึ่งเป็นเขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ยาวที่สุดในโลก สร้างขึ้นตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตัวเขื่อนมีความยาวรวม 2,720 เมตร สูง 93 เมตร ทำหน้าที่รับน้ำที่ไหลมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ผ่านน้ำตกเหวนรกลงสู่อ่างเก็บน้ำ มีบริการให้นั่งรถรางไปตามสันเขื่อน ราคาต่อท่าน 20 บาท และมีไกด์สาวสวยคอยเล่าประวัดิของเขื่อนให้ฟังในขณะที่นั่งรถรางไปตามสันเขื่อน การเล่าก็ดำเนินไปตามปกติ จนมีเสียงถามขึ้นมาว่า น้ำไหลจากน้ำตกเหวนคร แล้วช้างที่ตกไปลอยมาติดเขื่อนตรงนี้หรือเปล่า...คำตอบจากไกด์ก็บอกใช่ค่ะ แสดงว่า...อืม แสดงว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นก็มารอเก็บพวกเราตรงนี้....อ้าวยัยป้า พูดเสียเสียงดัง (วงแตกอ่ะงานนี้ อิอิ...ยัยหัวหน้าแกงค์...)


หลังจากนั้น ก็ไปแวะซื้อข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ร้านแรกตรงสามแยก ที่ขับออกมาจากเขื่อนแล้วเลี้ยวไปทางน้ำตกนางรอง (แอบกระซิบนิดว่าไม่อร่อย แนะนำว่าอย่าซื้อเลย....) แต่ร้านขายของข้าง ๆ คุณตากับคุณยายมีสวนลองกองหวานอร่อยมาก 3 กิโล 100 บาท ลูกใหญ่ แพงนิด แต่ถือว่าเพื่อคุณตา คุณยายน่ารักดี   เมื่อได้สเบียงแล้วขับตรงไปยังน้ำตกนางรอง เห็นห้าง 108 แวะทันที่หาซื้อถ่าน ปรากฏหมดอีก โอ้มาย...ก็อด... งานนี้ขัดใจเจ้ เจ้ไม่ยอม....   

ถึงน้ำตกนางรองเสียค่าเข้า 100 บาท ค่ารถ 40 บาท คนอีกคนละ 10 บาท ในน้ำตกนางรองก็มีร้านค้ามากมาย ทั้งขนม อาหาร และเสื้อผ้า ให้เลือกซื้อกัน เดินไปแค่เพียงนิดเดียว เน้น....นิดเดียวจริง ๆ น้ำตกมีกระหยอมเดียว แต่คนเต็ม คนเยอะมาก (มาทำไมกันเนี่ย ไม่เข้าใจ...) แต่เราก็ไม่ยอมแพ้ ยังสามารถหาที่ปูเสื่อและนั่งกินกันได้ กินไปเมาส์กันไปอย่างสนุกสนาน.... รวมปรึกษาหารือกันว่าตกลงจะไปทำกิจกรรมอะไรกันต่อดี ฝนก็ทำท่าเหมือนจะตก...คิดซิ คิด.... จะนอนก็คงไม่ดี คนก็เยอะ ไม่น่าเวิรค์.. ปรึกษากันไปก็สรุปเหมือนเดิม คือ ขับรถไปวน ๆ ดูก่อนแล้วกัน อ้าว..แล้วปรึกษากันทำไหมวะเนี่ย... (แกงค์นี้มันไม่คิดไง...) หลังจากอิ่มหน่ำแล้ว ก็ออกมาตะเวนหากิจกรรมเล่นกัน

แต่จริง ๆ แล้ว ขอกระซิบบอกหน่อยมีอยู่ 2 คน มันรวมหัวกัน คิดว่าจะให้ไปล่องเรือที่เขื่อน แต่ไม่พูด คือ (หัวหน้าแกงค์ และเจ้า ก.) แอบกระซิบกระซาบกัน และรวมหัวกันตกลงไปแล้ว โดยที่คนอื่น ในแกงค์มิได้รับรู้...อิอิ ตัววางแผนทำงานแล้ว... ปล่อยให้ลูก ๆ แกงค์ กับคนขับ นาย ต. ขับไปขับมาหากิจกรรม ถามราคา และสรุปกันไม่ได้ จนถึงเวลา ฮิโร่ ต้องออกโรง ฟันธงเสียแล้ว อิอิ... หัวหน้าแกงค์ขอตัดสินเลยนะ... ไปเขื่อนล่องเรือแหละ ... (อิ ... อิ... เข้าแผน แอบมองหน้ากัน กับ เจ้า ก. แล้วยิ้ม)

พอไปถึง ก็สอบถามราคาเรือ 200 บาทต่อหัว เป็นเรือหางยาวมีหลังคา ได้ไปดูน้ำตก 3 ที่ คือ น้ำตกแสงน้อย น้ำตกโคกครม น้ำตกช่องลม และสามารถเล่นน้ำได้ด้วย "เอาเลย...เปลี่ยนชุด เล่นน้ำตก นั่งเรือ ชมธรรมชาติ ชิว...ชิว...." หยุดก่อน ใครบอกคุณว่า โปรแกรมล่องเรือ ชมธรรมชาติในเขื่อนขุนด่านปราการชล ชิว...ชิว...ถ้าใครคิดแบบนั้น จะต้องเปลี่ยนความคิดทันที ที่คุณได้เห็นภาพและเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปในตอน 2.............ติดตามตอนหน้านะจ๊ะ ใครไม่รออ่านต่อ งอนนะค่ะ

ปล. รูปที่ถ่าย รอภาพประกอบจาก เนวิกเกเตอร์ จ. ก่อนนะ

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลอดโบสถ์ "เสือ มังกร" เสริมสิริมงคล ที่วัดตะเคียน จ.นนทบุรี

วัดตะเคียน จ.นนทบุรี
ลอดโบสถ์ "เสือ มังกร" เสริมสิริมงคล
เส้นทางเดินทางจากกรุงเทพ วิ่งมาทางถนนแคราย ข้ามสะพานพระราม 5 วิ่งตรงไปถนน นครอินทร์ เลยวงเวียน ไปจนถึงวงแหวนสุพรรณ สะพานพระราม 5 วัดนครอินทร์ จนถึงวงแหวนไปถนนกาญจนาภิเษก ให้ลอดใต้วงแหวนกลับรถมา แล้วชิดซ้ายประมาณ 300 เมตร เข้าซอย ที่มีป้ายหมู่บ้านปรารถนา ในระหว่างขับรถมา จะมีป้ายบอกทาง หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน และป้ายวัดบางไกรในประกบคู่อยู่ตลอดทาง เมื่อเลี้ยวเข้าซอยไม่ถึง 150 เมตรก็จะเจอะประตูวัดตามรูปค่ะ เข้าไปที่จอดรถกว้างขวางดีค่ะ


ภาพนี้คือ โบสถ์ที่มีการบูรณะ ยกพื้นสูง ทำให้สามารถลอดใต้พื้นโบสถ์ได้ ซึ่งตามความเชื่อของโบราณ กล่าวว่า "ผู้ใดต้องอัปมงคล ต้องธรณีสารอุบาทว์แปดประการ ต้องน้ำมันผี ต้องน้ำมันพราย ต้องเดรัจฉานวิชาคุณไสย ต้องเสน่ห์ยาสั่งยาแผด ต้องคุณสิบสองภาษา ต้องมนต์ดำ มนต์แดง ติดเนื้อหนังมังสา กรรมใหม่เหล่านี้ ลอดโบสถ์ แล้วหลุดหาย ต้องโรคเวร โรคาพยาธิกรรมเก่าแต่ปางก่อน ลอดโบสถ์ แล้วเบาหาย"
ซึ่ง ในประเทศไทย วัดที่มีให้ลอดโบสถ์ได้ มีไม่ถึง 5 วัด เนื่องจากตามหลักที่ถูกต้องวัดนั้นต้องมีโบสถ์เก่าที่บูรณะใหม่ด้วยการยกพื้น และได้ลงทะเลียนกับกรมศาสนาไว้

หัวมังกร ทางออก


ซึ่งทางวัดนี้ หลวงปู่แย้ม ได้เกิดแนวความคิดจัดสร้างทางเข้าเป็นหัวเสือขนาดใหญ่ ส่วนทางออกเป็นรูปหัวมังกรขนาดใหญ๋ เพื่อเป็นสิริมงคล ซึ่งเป็นโบสถ์แห่งเดียวในเมืองไทยที่มีการสร้างหัวเสือ หัวมังกรให้เข้าออกลอดโบสถ์


การลอดโบสถ์ของวัดตะเคียนนั้น ไม่มีกฏเกณฑ์อะไร สามารถเดินเข้าไปได้เลย แต่ความเชื่อให้เดินลอดโบสถ์ 3 รอบ และตั้งนะโม 3 จบ พร้อมตั้งจิตอธิษฐานไป ซึ่งทางวัด ก็ได้ทำเอกสารไว้ ให้สำหรับผู้เข้าไปลอด ว่าต้องทำอย่างไร


เมื่อพร้อมกันแล้ว มาเข้ากันเถอะค่ะ ทางเข้าอยู่ที่ปากหัวเสือ ไม่ต้องถอดรองเท้าค่ะ แต่ถ้ารองเท้าเปื้อนมาก ก็เช็ดหน่อยนะค่ะ สงสารพระท่านต้องทำความสะอาดเองค่ะ


เมื่อลงมาจะเห็นทางเดิน เสาที่ยกพื้นโบสถ์


เดินเข้าไปจะที่รูปปั้นฤษี และหัวพญานาคพ่นน้ำอยู่ สักการะได้ค่ะ


ถัดมากเป็นเทพเต๋า สามารถโยนเหรียญเสี่ยงทายได้ 


ตรงกลางมีลูกนิมิต สามารถนำทองคำเปลวมาติด และตั้งจิตอธิษฐานได้


หลังจากเดินวนจนครบ 3 รอบ ก็มากราบพระพุทธรูป และพรมน้ำมนต์ด้วยค่ะ เพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้น...


ก็เดินกลับออกมาทางปากหัวมังกรค่ะ งานนี้ได้สิริมงคลเต็ม ๆ ค่ะ ใครเชื่อก็ดี ใครไม่เชื่อก็ดีค่ะ แต่ทำแล้วสบายใจ ไม่เสียหายใช่ไหมค่ะ


นอกจากกิจกรรม ลอดโบสถ์แล้ว วัดตะเคียน มีตลาดน้ำด้วยนะค่ะ ทำบุญเสร็จ มาเลี้ยงอาหารร่างกาย หรือธาตุทั้ง 4 ของตนเองเถอะค่ะ 

ระหว่างทางเดินไปตลาดน้ำ ก็มีร้านอาหารของชาวบ้านขาย 2 ข้างทาง เมื่อลงไปที่ท่าน้ำก็มีก๋วยเตี๋ยวเรือ สูตรเด็ด นั่งรับประทานกันตามสบายค่ะ
การเดินทางมานครปฐมครั้งนี้ แม้นไม่ใช่ครั้งแรก แต่ได้มีโอกาสเก็บภาพ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ one life of the traveler นับว่าไม่เสียเที่ยวจริง ๆ ค่ะ

วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2552

crime watch

crimewatchlogo123452(1) ถ้ามีใครขอให้ช่วยกด เอทีเอ็ม จงปฎิเสธ....
จงบอกให้เขาไปขอความช่วยเหลือ จาก พนง.ธนาคารดีกว่า
...
เหตุผลคือ
"มีกล้อง วงจรปิด ที่หน้าตู้" .... ถ้าบัตรนั้นถูกขโมยมา  ภาพของคุณจะปรากฎ แทนหน้าโจร (งานเข้า ละท่าน)

crimewatchlogo123452(2) ถ้าบ้านคุณเกิดไฟดับ  แต่เมื่อมองไปไฟข้างๆบ้านยังมี...
จงอย่าผลีผลาม เปิดประตูบ้านออกไป
 เพื่อตรวจดูมิเตอร์ไฟ
เพราะคุณอาจเจอ คนถือมีด ยืนรอปล้นคุณอยู่ที่หน้าประตู


crimewatchlogo123452(3) คุณอาจเคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนคือ... เห็นเด็กน้อยยืนร้องไห้ อยู่ข้างทาง  บอกว่าหลงทางและขอให้พาไปส่งบ้าน ตามที่อยู่ในกระดาษ
เมื่อไปถึงบ้านเด็กที่หลงทาง...
คุณจะถูกไฟฟ้าดูด จนหมดสติ  เมื่อเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู
เมื่อได้สติ จะพบว่าตนเองอยู่ในสภาพเปลือย
ในห้องที่ว่างเปล่า
**
การเป็นคนใจดี ในสมัยนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังด้วย**

crimewatchlogo123452(4) วันหนึ่ง มีหญิงแก่ มายืนที่หน้าบ้าน ถือถุงขนมมาด้วย 2 ถุง
..
ตอนแรกคิดว่าเป็นคนในระแวกบ้านเอาขนมมาให้
แต่พอเธอเอ่ยปากพูดจึงรู้ว่า เธอเป็นชาวต่างชาติ
 เพราะพูดภาษากันไม่รู้เรื่อง
เลยปิดประตู เพราะคิดว่ามาขอเงิน

**
ภายหลัง จึงได้รู้ว่า หญิงแก่คนนี้ ได้ปล้นคนบางคน ในระแวกถนนนั้นได้สำเร็จ

crimewatchlogo123452(5) ขณะที่กำลังจะถอนเงินทีตู้เอทีเอ็ม  ก็มีหญิงแกขอร้องให้ช่วยกดเงินให้เธอ เพราะเธอทำไม่เป็น ... เวลาเดียวกัน ... จะมีเด็กตัวเล็กมายืนข้างๆ  เตรียมจะเอามือไปเตรียมหยิบเงิน"ของคุณ"  --- ขณะที่หญิงแก่ พยายามดึงความสนใจของคุณไปจากหน้าตู้
*
จงระวังและตื่นตัว ขณะกดเงิน*** และ ระวังคนที่ไม่น่าไว้ใจด้วย
crimewatchlogo123452(6) มีคุณแม่ผู้เกษียณแล้วอยู่บ้านเฉยๆ ได้เล่าให้ฟังว่า..
วันหนึ่งมีวัยรุ่นมาที่บ้านบอกว่าน้ำมันหมด
 แล้วขอกระป๋องโค๊ก เปล่าๆ ใบหนึ่ง เพื่อเอาไปซื้อน้ำมันที่ปั๊ม  โดยจะจ่ายให้ 2 ริ งกิต (เงินมาเลย์) = 9.7 x2 บาท
แล้วล้วงกระเป๋าเอาธนบัตร
100 ริงกิต ออกมาให้ .... แล้วให้ท่านทอน เงิน

แต่โชคดีที่ ท่านบอกว่า ไม่เอาเงินค่ากระป๋องเปล่า
ให้ฟรีๆ
(
โชคดีมากๆ เพราะ*เงินนั้นเป็นเงินปลอม* ถ้าทอนจะเสียเงินไป 98 ริงกิต

crimewatchlogo123452(7) เรื่องนี้เกิดที่บาหลี  เมื่อผู้สามีภรรยาที่ไปเที่ยว แล้วภรรยาเกิดหายตัวไป....
ตอนแรกนึกว่า เล่นกัน
 แต่หายไปหลายชั่วโมง จนต้องแจ้งให้ตำรวจช่วยตามหา...แต่ก็ไร้ผล
หลายปีต่อมา ... สามีกลับมา บาหลีอีกครั้ง
 และได้ไปดูโชว์ "< SPAN lang=TH>ของแปลก" ในบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง....
เขาไปเห็น มีหีบเหล็กที่สกปรกและขึ้นสนิม....
ในนั้นมี หญิงสาวผู้ ไร้แขนขา ..ทั่วใบหน้าและทั่วร่างเต็มไปด้วยแผลเป็น
เมื่อเขาได้มองใกล้ๆ ก็ต้องตกใจ
 เพราะนั่นคือภรรยาที่หายไปของเขา  ทีถูกจับขังเพื่อเป็นขอทาน

crimewatchlogo123452(8) ระวัง เสียงเด็กร้องไห้
เพราะคนร้ายจะอัดเทปเสียง
 เพื่อหลอกให้เหยื่อเปิดประตูออกมา...

*
มีคนหายไปจากแหล่งชอปปิ้งที่เซี่ยงไฮ้   หาไปเจอ
เวลาผ่านไปหลายปี
 ก็มีคนพบว่า เธอกลายเป็นขอทานข้างถนนในกรุงเทพ  ในสภาพพิการไร้แขนขาและถูกล่ามโซ่

crimewatchlogo123452(10) ระวังเวลาไปเข้าห้องน้ำ คนเดียว

คุณอาจจะถูกแก๊งค์ขายชิ้นส่วนมนุษย์จับไป
โดยยัดไว้ใต้รถเข็นอุปกรณ์ทำความสะอาด
 
 crimewatchlogo123452(11) แก๊งค์จะทำเป็นเอาธนบัตรหล่นไว้ล้อหลังของรถคุณ
แล้วมาเคาะหน้าต่าง เรียกคุณลงไป
"เก็บ"เงินทีคุณทำตกไว้
เมื่อคุณลงไป คุณจะถูกปล้น !!!