วันศุกร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เจ้าแม่ตะเคียนสองพี่น้อง ณ วัดห้วยขวาง กรุงเทพ

เราได้อ่านตำนานของ เจ้าแม่ตะเคียนเงิน ตะเคียนทอง สองพี่น้อง ของวัดกุนนทีรุทธาราม หรือ วัดห้วยขวาง จากหนังสือพิมพ์ออนไลน์เจ้าหนึ่ง ทำให้เกิดความสนใจอยากไปเห็นของจริงว่าเป็นอย่างไร จึงทำการศึกษาเส้นทางการเดินทางไปวัดกุนนทีฯ ซึ่งก็ไปง่ายมาก เราเดินทางโดยใช้ MRT ไปออกที่สถานีห้วยขวาง...ประตูทางหมายเลข 4 แล้วเดินย้อนกลับมาทางโรงเรียนกุนนที ก็เห็นป้ายทางเข้าวัดที่ปากซอยรัชดา 13 เราเดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอย ไม่ไกลนัก ก็เห็นหลังคาวัด เดินเลี้ยวขวา เข้าตรอกเล็ก ๆ ข้ามสะพานข้ามคลองเล็ก ๆ ก็เข้าไปยังวัดทันที...

เราถ่ายภาพจากตรงสะพานเล็ก ๆ ที่ชาวบ้านใช้เดินทางเข้ามาในวัดผ่านชุมชน

พอข้ามสะพานเข้าประตูเล็ก ๆ มา ก็จะเป็นทางเดินเข้าวัดแบบนี้ 
มีเจ้าถิ่นตัวเล็ก ๆ น่ารัก นั่งเฝ้าอยู่ ไม่ดุ น่ารักมาก 


ถัดมาทางซ้ายมือ ก็มีพระพุทธรูป และแมวเจ้าถิ่นนั่งเฝ้าอยู่อีกจุดหนึ่ง...

มาถึงวัดห้วยขวาง หรือวัดกุนนทีรุทธาราม แล้ว ก็ต้องเข้าไปกราบองค์พระหลวงปู่ปั้น พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของวัดนี้ ที่มีความเชื่อกันว่า ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก... ศาลาของท่านก็ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อเราเดินเข้าไป มีป้ายให้เห็นชัดเจน...

หลังจากนั้นเราก็เดินวนหาไปทั่ววัดว่า ศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง ตะเคียนเงิน สองพี่น้อง ตั้งอยู่บริเวณจุดใดของวัด และแหละ เราก็ได้เห็นจนได้ เป็นทางเข้าวัดอีกประตู เข้ามาแล้วศาลาของเจ้าแม่ตะเคียนสองพี่น้อง จะอยู่ทางซ้ายมือ เราจะเห็นเสื้อผ้าชุดไทยแขวนเรียงรายกัน เหมือนร้านขายเสื้อผ้าเลย และถ้าลองมองดี ๆ แล้วเราจะเห็นว่า มีไม้ตะเคียน หุ่นผู้หญิง และของไหว้ ของถวาย วางอยู่เรียงรายเต็มไปหมด
ทางเข้าวัดกุนนทีรุทธาราม หรือ วัดห้วยขวาง อีกประตูหนึ่ง จะเห็นศาลาเจ้าแม่ตะเคียน สองพี่น้องอยู่ทางซ้ายมือ 
เราก็ไม่แน่ใจว่า คนไหนเป็นคนพี่ คนไหนเป็นคนน้อง แต่จากที่เราอ่านข้อมูลมา ไม้ตะเคียนของคนน้อง จะเห็นรูปคล้ายหัวเรือสำเภา ทำให้เราคิดว่า คนที่ใส่เสื้อผ้าสีเขียว น่าจะเป็นคนน้อง หรือเจ้าแม่ตะเคียนเงิน ส่วนคนที่ใส่ชุดสีชมพู ไม้ตะเคียนเป็นลำขนาดใหญ่ น่าจะเป็นเจ้าแม่ตะเคียนทอง คนพี่....ที่ชาวบ้านเล่าลือกันมาว่า มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ขออะไรก็ได้ดั่งใจปรารถนา 




เราขอเล่าประวัติคราว ๆ ที่เราจำได้ คือ มีเจ้าแม่ตะเคียนมาเข้าฝันเจ้าของกิจการคนหนึ่ง ว่ามีไม้ตะเคียนจมน้ำอยู่ให้ช่วยไปกู้มาให้หน่อย แต่เจ้าของกิจการไม่ทราบว่าเป็นที่จุดใด ก็เลยไปเล่าความฝันให้ลูกน้องคนหนึ่งฟัง ลูกน้องก็ไปเล่าต่อจนได้ความว่า มีชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า มีบ่อทรายเก่าที่มีไม้ตะเคียนจมอยู่ที่จังหวัดอ่างทอง จึงได้ทำพิธีไปกู้ไม้ตะเคียนขึ้นมา เมื่อทำการกู้ไม้ตะเคียนขึ้นมาแล้ว ก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่า มีไม้ตะเคียนอีกอันเป็นน้องของเจ้าแม่ตะเคียนต้นแรกให้ช่วยขุดกู้ขึ้นมาด้วย จึงทำการขุดกู้ขึ้นมาก็เห็นว่า เป็นไม้ที่มีลักษณะคล้ายหัวเรือสุวรรณหงษ์ น้ำหนัก 10 ต้น ของตะเคียนผู้พี่น้ำหนัก 20 ตัน ซึ่งใหญ่มาก แล้วจึงทำการขนย้ายมายังวัดห้วยขวางนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามในฝันที่เจ้าแม่ตะเคียนแจ้งความประสงค์ไว้ให้ขุดกู้ขึ้นมาแล้วนำมาไว้ที่วัดนี้...

หลังจากนั้น ก็มีการสร้างศาลาให้กับเจ้าแม่ตะเคียนเงิน ตะเคียนทองสองพี่น้อง และมีชาวบ้าน แม่ค้า มาทำการกราบไหว้ของหวย ซึ่งก็ถูก ได้โชคได้ลาภกันมากมายหลายคน จนเกิดเป็นตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ตะเคียนเงิน ตะเคียนทอง สองพี่น้อง แห่งวัดห้วยขวาง แห่งนี้นีาเองค่ะ

แผนที่การเดินทางมาวัดห้วยขวาง หรือ วัดกุนนทีรุทธาราม กรุงเทพ 

เข้าวัดแบบไร้สติก็จนได้

วัด... คือ ที่พักพิง ยามเราอ่อนแอ มีปัญหาที่รบกวนจิตใจ หรือต้องการมาหากำลังใจ มาสร้างกำลังใจ ไม่ว่าเราจะจน เราจะเจ็บ เราจะเหงา บางครั้งการมาวัดก็ทำให้จิตใจสงบ และมีกำลังใจ ลดอาการเจ็บป่วยทางใจต่าง ๆ ของเราได้...

แต่รู้ไหมค่ะว่า .... ประสบการณ์หนึ่งที่เราอยากจะแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟัง คือ เรื่องของการเข้าวัดที่มีค่านิยม หรือจะเรียกว่าทำต่อกันมา คือ การเข้าวัดทำบุญ หยอดเงินในตู้ต่าง ๆ ของวัด เพื่อทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล ไม่ว่าจะเป็น ตู้เพื่อไฟฟ้า ตู้เพื่อบูรณะวัด ตู้เพื่อค่าน้ำ ตู้เพื่อค่าดอกไม้ ธูปเทียน ค่าเทียนต่อชะตา ค่าเทียนลอยน้ำ ค่าใบเสียมซี่ ตู้ค่าหลวงพ่อต่าง ๆ ... ซึ่งเต็มวัดไปหมด และด้วยนิสัยที่เราได้รับการปลูกฝังมาจากพ่อแม่ คือ เข้าวัดต้องเอาเงินไปหยดตู้ทำบุญ และเราในตอนเด็ก ๆ ก็รู้สึกสนุกกับการหยอดตู้มาก ๆ เลยค่ะ....

ในเดือนธันวาคมนี้ พอดีเราได้งานเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องวัดมา ทำให้ในเดือนนี้เราต้องเข้าวัดเกือบจะ 20 วัดแล้ว... และเราก็เข้าไปไหว้พระ ทำบุญ หยอดตู้ตามปกติ ไม่ได้คิดอะไร แต่ด้วยนิสัยที่มีการจดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาตลอดทำให้เราเห็นถึงยอดเงินที่เราทำบุญไปกับงานนี้ มากกว่าค่าจ้างในงานเสียอีก เราเองก็ตกใจ เพราะว่า เราก็หยอดทำบุญ และจ่ายแค่หลัก 20 บาท ที่แค่สังฆทานที่ หลัก 100 บาทขึ้น ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่า เป็นยอดเงินที่สูงที่เดียว

วันนี้ เราเลยทำการทดลอง เตรียมเศษเหรียญจำนวน 40 เหรียญ และตั้งใจว่าจะหยอดทุกตู้ในวัดที่ไป ตู้ละ 1 เหรียญ โดยไม่คิดอะไร ปรากฏว่า เราหยอดเงินไปจนหมด ยังเหลืออีกหลายตู้ในวัดนี้ที่เรายังไม่ได้หยอดเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่า ในวัดมีกิจกรรมมากมาย ที่ทำให้คนมาทำบุญต้องหยอดตู้ทำบุญบริจาค ถึงว่า มีโต๊ะให้แลกเงิน เป็นแบงค์ 20 และไม่มีให้แลกเหรียญด้วยค่ะ และส่วนมากขั้นต่ำของการทำบุญแต่ละกิจกรรม ก็คือ 20 บาท น้อยมากที่จะให้บริจาคตามกำลังทรัพย์ ....

ทำให้วันนี้เราได้เรียนรู้ว่า การเข้าวัดแบบไม่มีสติ ก็ทำให้คนเข้าวัดแบบเราจนได้นะ การทำบุญทำทาน ก็ต้องมีสติ ทำบุญแต่พอดี ตามกำลังทรัพย์ ที่เรามี ... แต่บ้างครั้ง ทิฐิความมีอัตตาตัวตน ก็ทำให้เราต้องทำบุญเยอะ เช่น คนจะใส่ซอง ถ้าตำแหน่งฐานะแบบนี้ควรใส่ 1000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้ว ถึงเขาจะมีตำแหน่งสูง แต่ค่าใช้จ่ายอาจสูงด้วย แต่ก็จำเป็นต้องรักษาหน้า ด้วยการใส่ให้เยอะกว่าลูกน้อง...

มันเป็นเหมือน...ค่านิยม อะไรที่ผิด ๆ ของคนไทยเรา ศาสนาพุทธดั้งเดิม ไม่มีการใช้เงินซื้อบุญ การกระทำทางกาย วาจา ใจ เป็นการทำบุญแล้ว ดั่งคำสอนของ พระอาจารย์ หลวงพ่อจรัญ ได้กล่าวไว้ว่า...

ไม่จำเป็นต้องเอาสตางค์ ไปทำบุญเลย

วันนี้ท่องสวดมนต์ไหว้พระได้ นั้นแหละ 
ท่านจะตื้นตัน ท่านจะปิดติ 
ท่านจะยินดี นั้นแหละเป็นบุญ

หลวงพ่อจรัญ 

google.com, pub-8763358055991640, DIRECT, f08c47fec0942fa0

คำกล่าวนี้ คำสอนนี้ ฉันเองก็คุ้นตา ผ่านตามา แต่ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งจนกระทั่งได้ รู้เอง ดังคำพระสอนที่ท่านว่า ธรรมะ ต้องกระทำ ทำเอง ได้เอง รู้เอง นั้นแหละ จะเข้าใจได้ด้วยตัวของตัวเอง ....



สาธุ เราขอให้เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ท่านจะได้ข้อคิด จุดประการความคิดเล็ก ๆ จากมัน และเข้าใจมันเช่นเรา ... ธรรมะสวัสดีค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2560

International Bird Walk at King Rama IX Park

International Bird Walk at King Rama IX Park

by BCST.or.th 

 Bird Walk Activity for Family 

Binoculars are two telescopes mounted side-by-side and aligned to point in the same direction, allowing the viewer to use both eyes (binocular vision) when viewing distant objects.

Telescopes are popular among birdwatchers. By offering higher magnification than binoculars.

Birdwatching or birding means going outside to enjoy watching birds. It is a popular hobby. Someone who does this is called a birdwatcher or birder. These two words mean the same thing, but people who spend a lot of their time watching birds, taking their hobby seriously, are more likely to call themselves “birders”, while “birdwatchers” may just be people who like watching birds when they happen to go for a walk. 

 Scarlet-backed Flowerpecker

Small Minivet

Spotted Owlet

Bird Walk by BCST at King Rama IX Park , First Sunday of every month. More information at https://www.facebook.com/bcst.or.th/

วันพุธที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2560

วัดไตรรัตนาราม ลาดปลาเค้า 62

วัดไตรรัตนาราม ลาดปลาเค้า 62


วัดไตรรัตนาราม หรือ วัดสามขา ในสมัยอดีตเข้าเรียกกัน เพราะว่า แต่ก่อนนั้น วัดนี้ มีแม่น้ำไหลมาบรรจบกันที่หน้าวัดถึง 3 สาย ชาวบ้านจึงตั้งชื่อวัดตามลักษณะที่เห็น ฉันเองได้มาอยู่ที่ลาดปลาเค้าในสมัยปี พ.ศ. 2533 พ่อขอฉันพาฉันไปไหว้พระที่วัดสามขาแห่งนี้ ฉันยังพอจำได้ว่า เป็นวัดที่เล็กมาก เข้าไปไหว้ที่ศาลา กราบพระ ถวายสังฆทาน และหยอดเงิน ฉันไม่เคยเข้าไปในโบสถ์ของวัดนี้เลย....

พอโตมาอีกนิด ฉันกับเพื่อนก็ได้มาถวายสังฆทานที่วัดแห่งนี้ ตอนนั้นได้มีโอกาศเข้าไปในโบสถ์ไปไหว้พระ ฉันจำได้ว่า พระประธานของโบสถ์ เรียกว่า หลวงพ่อยิ้ม.... ฉันกับเพื่อนยังเห็นเลยว่า ท่านยิ้มจริง ๆ องค์ท่านสีทองทั้งองค์ และมีรอยยิ้มประทับที่ใบหน้า... รู้สึกอบอุ่นและประทับใจมาก...

จนกระทั่งผ่านมาในปีนี้ พ.ศ. 2560 ฉันได้กลับมาที่วัดนี้อีกครั้ง ตอนนี้วัดมีโรงเรียนวัดไตรรัตนาราม อยู่ข้าง ๆ โบสถ์ พื้นที่วัดเล็กลงอีก มีการรอบรั้วรอบโบสถ์ และพื้นที่แคบลง มากเลย หรือฉันจะโตขึ้นก็ไม่รู้...
โบสถ์ในวันนี้ก็ยังสวยงามเหมือนกับที่ฉันจำได้ แต่ก็มีบ้างจุดที่ทรุดโทรมและหักพังบ้าง แต่โบสถ์ในวันนี้ ปิดตาย ไม่เปิดให้เข้าไปกราบไหว้พระประธานอีกแล้ว แต่มีการจำลององค์พระ "หลวงพ่อยิ้ม" มาให้กราบไหว้ทำบุญที่ลานศาลาอเนกประสงค์ ...


วัดแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งสร้างเป็นโรงเรียน 



ฉันเสียดายมาก ที่วันนี้ไม่มีโอกาสได้เข้าไปในโบสถ์ ทำให้คิดได้ว่า ทุกวันนี้ หลายวัด แทบจะไม่เปิดโบสถ์ที่มีพระประธานไว้เลย ถ้าเราเดินทางไปไหว้พระ โอกาสน้อยมากที่จะได้เห็นพระประธานของวัดต่าง ๆ แต่บางวัดก็ยังดีมีองค์จำลองให้เรากราบไหว้ ...


ฉันได้มีโอกาสคุยกับทางพระองค์รูปหนึ่ง หลวงพ่อบอกว่า เปิดโบสถ์ไว้ไม่ได้ เพราะบางครั้งก็มีขโมย อีกทั้ง บางจุดของหลังคามันแตก น้ำซึมเข้าไป ทำให้ภาพวาดที่ผนังโบสถ์เป็นคราบน้ำ และเสียหาย โบสถ์ยังต้องการการดูแล บูรณะอีกมากมาย และคิดว่า หลาย ๆ วัดก็คงเป็นเหมือนกัน ๆ จึงไม่ได้เปิดโบสถ์ไว้ แต่ถ้าอยากเข้าไปกราบไหว้ อาจต้องแจ้งไปทางเจ้าอาวาสวัด และทำเรื่องขออนุญาติเข้าไปในโบสถ์ 


วันอังคารที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2560

อุกกาบาตถล่มโลก Impact Earth

อุกกาบาตถล่มโลก Impact Earth


ท้องฟ้าจำลอง ณ สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ตั้งอยู่ที่เอกมัย ถนนสุขุมวิท วันนี้เราพาตัวเองนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีเอกมัย แล้วออกทางออกที่ 2 เดินย้อนกลับมาทางซอยเอกมัยประมาณ 500 เมตร ท้องฟ้าจำลองอยู่ทางซ้ายมือ เปิดทุกวัน ยกเว้น วันจันทร์ และวันนี้โชคดีของเรา มาถึงที่ท้องฟ้าจำลอง 10.45 น. ทันรอบแรก 11.00 น. พอดี เรารีบเข้าไปต่อคิวซื้อบัตรท้องฟ้าจำลองในราคาบัตร สำหรับผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท


ในเดือนนี้มีภาพยนต์เต็มเรื่องพิเศษ ในเรื่องว่า อุกกาบาตถล่มโลก หรือ Impact Earth ซึ่งเราก็สนใจมาก เลยตั้งใจเดินทางมาดูในวันนี้


ภาพสั่นไปหน่อยนะค่ะ พอดีมีคนชน แล้วรีบมากต้องเข้าไปดูแล้วได้เวลา

ตอนได้รู้ชื่อเรื่อง อุกกาบาตถล่มโลก จินตนาการมาก่อนเลย คงได้เห็นภาพอันน่าตื่นเต้น ความยิ่งใหญ่ของภาพยนต์ การนำเสนอเรื่องผลกระทบของอุกกาบาต และจะนำเสนออย่างไรให้เด็กและผู้ใหญ่เข้าใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับอุกกาบาตที่จะส่งผลกระทบต่อโลก แล้วนักดาราศาสตร์รู้จักติดตามเรียนรู้เกี่ยวกับอุกกาบาตอย่างไร

วันนี้คนมารอคิวดูที่ท้องฟ้าจำลองเยอะมาก เราต่อคิวรอยาวเลย....
คนมารอคิวเข้าชมกันเยอะมากค่ะวันนี้

ท้องเข้าชมท้องฟ้าจำลอง

ภาพประวัติศาสตร์ที่ท้องฟ้าจำลอง

หลังจากได้เวลา 11 โมงทางท้องฟ้าจำลองเปิดให้เข้าไปจับจองที่นั่ง ใครมาก่อนได้ก่อน ไม่มีการจองที่นั่งไว้ เริ่มต้นบรรยายก็เหมือนเดิม คือ จะสอนเรื่องการดูดาวก่อน โดยจำลองเหตุการณ์ของการปรากฏของดาวบนท้องฟ้าในวันที่เราเข้าชม ตำแหน่งของพระอาทิตย์ พระจันทร์ การขึ้นการตกของพระอาทิตย์พระจันทร์ ดวงดาวต่าง ๆ ที่จะปรากฏในค่ำคืนนี้ถึงรุ่งเช้า

ที่เป็นเงา ๆ คือ กล้องฉายภาพดาว ณ ท้องฟ้าจำลอง

วิทยากร จะแนะนำตำแหน่งของดวงดาวต่าง ๆ ชื่อดวงดาว ภาพถ่ายดาว ที่นักดาราศาสตร์ถ่ายได้ และบางครั้งก็เล่าตำนานของดาวดาว หลังจากนั้น ก็เริ่มต้นฉายภาพยนต์เรื่อง อุกกาบาตถล่มโลกต่อ

การนำเสนอเรื่อง อุกกาบาตถล่มโลก มีการย้อนให้เห็นภาพเหตุการจำลองที่นักดาราศาสตร์ได้ขุดพบซากอุกกาบาต และจำลองภาพเหตุการณ์ที่อุกกาบาตขนาด 2 กิโลเมตร วิ่งชนโลก แล้วส่งผลกระทบอย่างไรต่อพื้นผิว บรรยากาศ และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ บนโลก หลังจากนั้น ก็นำเสนอเหตุผลว่าทำไหมนักดาราศาสตร์ต้องเรียนรู้จักอุกกาบาต ที่ตกลงบนโลก เพื่อศึกษาชนิดของแร่ธาตุต่าง ๆ ในอุกกาบาต และหาทางทำลาย ป้องกัน ตลอดจนเฝ้าติดตามศึกษาดาวต่าง ๆ ที่ล่องลอยในท้องฟ้า ดูวงโคจรของดาวหาง ของเศษดาว ว่าจะมีดวงไหนวิ่งเข้าชนโลกหรือไม่ และทำการทดลองต่างๆ บนอวกาศเพื่อเปลี่ยนแปลงทิศทางหรือหักเหดวงดาวที่จะวิ่งเข้าชนโลก 

 ภาพจำลองอุกกาบาตขนาด 2 กิโลเมตร วิ่งเข้ามาชนโลก
อุกกาบาต เสียดสีชั้นบรรยากาศก่อนเข้าสู่โลก ทำให้เกิดฝุ่นควันคละคลุ้ง


แรงประทะที่เกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนโลก ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง เกิดฝุ่นควันปกคลุมอยู่ในอากาศนานนับปี แสงอาทิตย์ไม่สามารถส่องลงมาถึงพื้นโลกได้ พืชพันธ์ไม้ล้มตาย สัตว์และสิ่งมีชีวิตขาดแคลนอาหารและล้มตาย เฉกเช่นในยุคไดโนเสาร์นั้นเอง...


ทุกวันนี้ นักดาราศาสตร์ เผ้าติดตามดูการโคจรของดวงดาวต่าง ๆ ในอวกาศ และกาแลกซี่ ประหนึ่งทหารที่ปกป้องโลกจากภัยที่อาจเกิดขึนได้จากการรุกรานจากอุกกาบาตนอกโลก....


สำหรับพวกเรา การดูดาว คงเป็นแค่ความสุขอย่างหนึ่ง การเรียนรู้เรื่องดาราศาสตร์ ก็เป็นการสนับสนุนให้แรงใจกับนักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ที่คอยทำงานปกป้องโลกเรานั้นเอง....


วันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เสาตกน้ำมันกับความฝันที่ฉันเจอะ

เสาตกน้ำมันกับความฝันที่ฉันเจอะ....

ย้อนความไปในอดีต สัก 15 ปีที่แล้ว ฉันได้ย้ายเข้ามาอยู่บ้านไม้หลังหนึ่ง ย่านรามอินทรา กม. 2 เป็นบ้านมือสอง ที่เป็นพื้นไม้ 2 ชั้น เวลาเดินขึ้นบันได ก็จะได้ยินเสียง เอียดอาด เอียดอ๊าด ....

ในเย็นวันนั้น ฉัน่อารมณ์ไม่ดี ไม่พอใช้พ่อ ก็เลยวิ่งกระแทกเท้าขึ้นไปชั้นสอง พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็เหมือนมีคนผลักฉันกระเด็นหงายหลังตกบันไดลงมา ไม่เจ็บหรอกค่ะ แต่ตกใจมากกว่า พ่อฉันก็ตกใจเข้ามาปลอบ... แต่ฉันไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ใครเป็นคนผลักฉันตกลงมา บ้านเราอยู่กันแค่ 3 คน แต่วันนั้น พ่อฉันอยู่ข้างล่าง พี่ชายฉันยังไม่กลับบ้าน.... แล้วใครล่ะเป็นคนทำ


หลังจากพ่อปลอบฉันให้หยุดร้องไห้ ฉันก็ง่วงนอน เลยเข้าไปในที่ห้องพ่อด้านล่าง ฉันฝันว่า ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องของฉัน มีผู้ใหญ่ใส่ชุดไทย สวยงามมาก เธอยิ้มให้ฉัน แต่มีเสียงที่ดังขึ้นข้าง ๆ หูฉันว่า เธอ ไม่พอใจที่ฉันย้ำเท้าเสียงดังในบ้านเธอ ฉันก็เถียงว่ามันเป็นบ้านฉัน บ้านพ่อฉัน เธอก็เดินมาที่ฉันแล้วให้ฉันตามเธอไป เธอชี้ไปที่ประตูไม้หน้าห้องฉัน บอกว่านี้คือบ้านของเธอ เธออาศัยอยู่ที่ดี และก็ยินดีให้พวกฉันอยู่ด้วยกัน แต่ฉันก็ยังไม่ยอมแพ้ ฉันบอกว่า เธอจะอยู่ในไง นี้มันห้องฉัน ฉันไม่เข้าใจว่าเธอชี้ไปที่ประตูห้องฉันแล้วบอกว่าเป็นบ้านเธอได้อย่างไร เธอยิ้มแล้วก็บอกว่า เราจะอยู่ร่วมกัน ถ้าฉันทำไม่ดี เธอจะสั่งสอนฉัน เหมือนที่เธอทำวันนี้ ฉันไม่เข้าใจ แล้วก็เลยถามว่า เธอเป็นคนผลักฉันตกบันไดหรอ.... เธอยิ้ม แล้วเสียงเธอก็ดังขึ้นอีกว่า เธอจะดูแลสั่งสอนฉันและ ปกป้องฉันกับบ้านนี้ให้ดีที่สุด พร้อมกัับยิ้ม แล้วเธอก็หายไปที่ประตูห้องฉัน ...ฉันก็สะดุดตื่น...

ฉันตะโกนร้องเรียกหาพ่อ เล่าความฝันให้พ่อฟัง พ่อก็เล่าให้ฉันฟังว่า พ่อเองก็ฝันในคือแรกที่มาอยุ่บ้านนี้ ว่ามีผู้ใหญ่สวย ๆ ใส่ชุดไทย เขามากราบพ่อ แล้วบอกว่า เราจะอาศัยอยู่กันในบ้านหลังนี้ และจะดูแลปกป้องบ้านหลังนี้ และทุกคนในบ้าน...


แวะชิมชาโกโก้ Fumiko bubble Tea

แวะชิมชาโกโก้ Fumiko bubble Tea

ชาแฟรน์ไชส์ ชานมไข่มุกจากไต้หวันแท้ ยี่ห้อง Fumiko สาขาซอยลาดปลาเค้า 62 

เป็นร้านขายเล็ก 1 คูหา ด้านหน้าเป็นกระจกภายในร้านมีที่นั่งไม่มากนัก มีไวไฟให้บริการฟรี ความเร็ว โอเคเลยค่ะ ราคาก็เริ่มต้นที่ 25 บาท ใส่มุกก็เป็น 30 บาท 
หน้าร้านมีที่จอดรถเล็กน้อย ถ้าคนไม่เยอะก็จอดได้ เพราะใกล้กับออฟฟิคบ้างวันก็ไม่มีที่จอด


โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทานโกโก้ และชาเขียวมัทฉะ วันนี้จึงขอโอกาสชิม ชาโกโก้ใส่ไข่มุกหน่อย แต่ปรากฏว่าวันนี้ไม่มีไข่มุก เลยได้แต่ ชาโกโก้ เอาแบบเข้มข้น แต่ไม่หวาน นั่งรอไม่นานมากนัก เจ้าของร้านทำเอง คนไม่เยอะ ก็ได้มาลองชิมแล้ว 1 แล้ว สำหรับชาโกโก้....ที่เน้นว่า ขอเข้มข้นไม่หวาน

วันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2560

กิจกรรมดี ๆ ส่งท้ายปีที่สวนพุทธมณฑล Bird Walk

กิจกรรมส่งท้ายปี 2560 นี้ เราได้ไปร่วมกิจกรรม Bird Walk ที่จัดโดยสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ที่สวนพุทธมณฑลสาย 4 ในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 7.30 - 11.30 น.

ทางทีมงาน มีกล้องส่องนกให้ยืมด้วย เราใช้บัตรประชาชนแลกมา 1 ตัว วันนี้ทีมวิทยากรนำโดยอาจารย์สุธี (ผู้แต่งหนังสือนกไทยในความทรงจำ) และมีผู้ช่วยมาหลายท่านเลย ทั้งชาวต่างชาติ และคนไทย คนที่มาร่วมกิจกรรมก็มีทั้งเด็กและผุ้ใหญ่ หลายคนเลยค่ะ

เริ่มต้นกิจกรรม ทางทีมงานให้ถ่ายรูปหมู่ ที่หน้าองค์พระ และแนะนำวิทยากรกับทีมงาน

แล้วเริ่มพาเดินดูนกตามทาง บรรยากาศมีร่มเงาไม้ตลอดทาง มีนกมาให้ดูเยอะมาก เราดูทันบ้างไม่ทันบ้าง ผู้ช่วยวิทยากร ก็พยายามตั้งกล้องส่องทางไกล ที่เขาเรียกว่า สโคป ให้ดู ทำให้เห็นนกได้ใกล้ ๆ แถมยังสามารถเอามือถือ ไปจ่อกับกล้องแล้วถ่ายรูปนกได้ด้วย วันนี้เราได้เห็นนกฮุกตาโต หรือที่เขาเรียกเป็นทางการว่า นกเค้าโมง...
ภาพนี้ ถ่ายจากกล้องมือถือจ่อที่สโคปที่ผู้ช่วยวิทยากรตั้งให้

เมื่อเจอะนก วิทยากรจะ บอกชื่อนก เป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษ บ้างก็บอกที่มาของชื่อนก บ้างก็บอกว่านกนี้มาจากไหน เช่น นกเขาชวา ไม่ใช่นกไทยในอดีตนำเข้ามาจาก เกาะชวา เป็นต้น หรือนกพิราบป่า ซึ่งพิราบป่าพันธุ์ดังเดิม มีลักษณะแบบไหน เป็นต้น อีกทั้งได้เรียนรู้เกี่ยวกับชื่อต้นไม้ ลักษณะของก้านดอก ลักษณะของผล รวม ผลประกอบ เยอะมากเลย สำหรับความรู้ต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ต่างก็คอยฟัง และสอบถาม วิทยากร



นับได้ว่า เป็นกิจกรรมยามว่าง วันว่าง ที่เหมาะสำหรับทุกครอบครัว ทุกเพศทุกวัย ที่จะออกมาสัมผัสธรรมชาติ แสงแดด เสียงนกร้อง เสียงกระรอก สายลม แสงแดด และรอยยิ้ม...



ที่สำคัญทางสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติ จัดเป็นกิจกรรมฟรีทุกเดือน ไม่มีค่าใช้จ่ายสามารถมาร่วมได้เลยค่ะ สำหรับปีหน้า เดือนมกราคม ที่สวนพุทธมณฑล จัดวันเสาร์ที่ 20 มกราคม 2561 ค่ะ
แต่เห็นว่า ใน 1 เดือน จะจัดตามสวนต่าง ๆ อีก สามารถเข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/bcst.or.th




วันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ชายามบ่าย กับวันสบาย ๆ ของฉัน

วัฒนธรรมการดื่มชา


วัฒนธรรมการดื่มชา หมายรวมถึงการชงชา การชมชา การดมชา การดื่มชา และการชิมชา โดยผ่านการพัฒนาและปรับปรุงกันมาอย่างไม่หยุดยั้ง กระทั่งเกิดเป็นความเคยชินชนิดหนึ่ง ความเคยชินชนิดนี้ได้ค่อยๆก่อตัวขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในปรากฎการณ์ทางวัฒนธรรมของจีน

วัฒนธรรมการดื่มชา เป็นการผนวกศิลปะการชงชาเข้ากับจิตใจ อีกทั้งยังสามารถแสดงถึงความรู้สึกทางจิตวิญญาณผ่านศิลปะการชงชาได้ พิธีชงชาจึงประหนึ่งเป็นการหลอมรวมที่เข้ากันได้อย่างงดงามระหว่างศิลปะการชงชากับจิตใจ เราสามารถแสดงออกถึงมารยาท อุปนิสัยใจคอ ท่วงทำนองความคิด มุมมองทางสุนทรียศาสตร์ และมโนคติผ่านวิถีการชิมชาได้ พิธีการชงชาของจีน ให้ความสำคัญและพิถีพิถันกับความงดงามทั้ง 5 อย่างอันได้แก่ ใบชา น้ำชา ความแรงของไฟ เครื่องมือชงชา และสภาพแวดล้อม

การดื่มชายามบ่ายของฉัน ก็ได้ับอิทธิพลและวัฒนธรรมการดื่มชามาจาก คุณพ่อที่เป็นชาวจีน แต่ตัวฉันเอง มักจะมีของหวาน เช่น เค็ก คุ๊กกี๊ มาทานร่วมด้วยเสมอ และอีกอย่างที่ฉันชอบคือ การดื่มชาสมุนไพรหอม ๆ ร้อน ๆ จากสวนฉันเอง และใช้แก้วชาแบบจีน ที่ให้บรรยากาศและความรู้สึกถึงความมีศิลปะวัฒนธรรม  

ยิ่งเป็นช่วงฤดูหนาว ที่ยามบ่ายอากาศสบาย ๆ และเย็นมีไอแดดอุ่น ๆ ทำให้ชายามบ่ายกับวันสบาย ๆ ของฉัน มีความสุข และสงบลึกถึงจิตใจมากขึ้นเลยที่เดียว...

เพื่อนคนไหนชอบดื่มชาบ้าง ฉันขอแนะนำชาสมุนไพรใบหม่อน ทานกับคุ๊กกี๊ ซึ่งเข้ากันมากเลยค่ะ...







นกกระจอกชวา แห่งทุ่งบางเขน ม.เกษตรศาสตร์

นกกระจอกชวา Java Sparrow
Lonchura oryzivora


หัวดำ แก้มขาว ปากสีชมพูสด วงรอบตาแดง ขนลำตัวสีเทา ท้องด้านล่างชมพู ก้นขาว ตะโพกและหางดำ ปลายหางแฉก แข้งและตีนแดง 

อดีตเป็นนกที่นำเข้ามาเลี้ยงเพื่อความสวยงาม และหลุดสู่ธรรมชาติ แต่สามารถอาศัยและขยายพันธุ์ได้ จึงกลายเป็นนกในเมืองไทย พบได้ค่อนข้างบ่อยในบางพื้นที่
ซึ่งในกรุงเทพ มีรายการการพบนกกระจอกชวา ดังนี้ ทุ่งข้าวบางเขน ม.เกษตรศาสตร์ ทุ่งข้าวแถวลำสาลี รังสิต  ด้านหลังโรงพยาบาลภูมิพล สะพานใหม่ เป็นต้น

อาหารของนกกระจอกชวาได้แก่ เมล็ดข้าวเปลือกในนาข้าวที่กำลังสุก นอกจากนั้น ยังกินธัญพืช เมล็ดหญ้า แมลง และตัวหนอนด้วย

พื้นเพถิ่นฐานเดิมของนกกระจอกชวา คือ เกาะชวา และ บาหลี เป็นหนึ่งในนกสีสวยของอินโดนีเซียที่ถูกกวาดดักจับ เพื่อส่งออกเป็นนกเลี้ยงกรงไปตามประเทศต่าง ๆ จนจำนวนประชากรนกในท้องถิ่นเดิมลดจำนวนลงอย่างมาก จากนกที่พบบ่อยมาก กลายเป็นสถานะนกที่พบค่อนข้างยาก ถึงขั้นที่หน่วยงานด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของอินโดนีเซียต้องเริ่มฟื้นฟูสถานภาพและสวัสดิภาพของนก ด้วยการเพาะพันธุ์และปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ

ปัจจุบัน นกกระจอกชวา ถูกบรรจุเป็นหนึ่งในนกไทย ในหนังสือ นกเมืองไทย คู่มือศึกษาธรรมชาติหมอบุญส่ง เลขะกุล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เมืองไทยได้มีนกน่ารัก ๆ มาให้เราได้ชื่นชมกันค่ะ



วันจันทร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2560

กระรอกในเมือง Squirrel

กระรอก Squirrel ทางเหนือ เรียกว่า ฮอก 

เป็นสัตว์ฟันแทะ ที่เลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดเล็ก ตากลมดำ หางเป็นพวงพู่ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กระรอกต้นไม้, กระรอกดิน และ กระรอกบิน 



ในภาพเป็นกลุ่มของกระรอกต้นไม้ ซึ่งพบเห็นได้บ่อย ทั้งในเมือง และในป่า กระรอกจะมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 5 นิ้ว และนิ้วเท้าหน้าข้างละ 4 นิ้ว ตรงส่วนที่เป็นนิ้วโป้งจะเป็นปุ่มนูน ๆ ซึ่งถูกพัฒนามาให้เหมาะสมกับการจับอาหารมาแทะ

อาหารของกระรอก คือ ผลไม้ และเมล็ดพืช และกระรอกต้นไม้ยังแบ่งได้อีกหลายกลุ่ม แต่ชนิดที่พบบ่อยในเมือง คือ กระรอกหลากสี  (Callosciurus finlaysoni) เป็นหนึ่งในสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่ไม่ควรจับมาเลี้ยง ซื้อ หรือขาย เพราะผิดกฏหมาย 


คุณก็สามารถชื่นชมกระรอกหลากสีน่ารัก ๆ แบบนี้ได้ง่าย ๆ ที่สวนรถไฟ และสามารถนำถั่วหรือผลไม้แวะมาให้พวกเขาก็ได้ บางตัวก็เชื่องจนสามารถให้อาหารกับมือเราได้


แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องระวัง หากถูกกระรอกเหล่านี้กัด ก็อาจติดเชื้อในกระแสเลือดได้ หรืออาจติดเชื้อบาดทะยัก ยังไง พวกเขาก็เป็นสัตว์ป่า ที่เราต้องระวัง ดังคำที่ว่า สัตว์โลกน่ารักแต่ก็แฝงอันตรายได้...

วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2560

แก้ปีชง วัดสีชมพู รังสิต ปทุมธานี

วันนี้ได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยววัดสีชมพู หรือวัดทวีการะอนันต์ ที่รังสิต คลอง 1 จังหวัดปทุมธานี อยู่ใกล้ๆ กับตลาดไท .....


วัดทวีการะอนันต์นี้ แต่เดิมก็มีสีเหลืองปกติเหมือนกับวัดทั่ว ๆ ไป แต่ที่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นสีชมพู เพราะหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ทางวัดได้ปรับปรุงบูรณะทาสีวัดใหม่ โดยใช้สีชมพู เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าหัวรัชกาลที่ 9 ณ เวลานั้นได้มีอาการดีขึ้นและออกจากโรงพยาบาลกลับไปประทับที่วัง จึงได้ทาวัดเป็นสีชมพู สีประจำพระองค์ท่านตั้งแต่นั้นมาจวบจนปัจจุบัน บริเวณวัดร่มรื่น มีกิจกรรมหลายอย่าง แต่ที่เราสนใจเป็นพิเศษ คือ การลอดโบสถ์

และเนื่องจากเราเกิดปีมะโรง ซึ่งในปีี 2561 นี้ ถือว่าเป็นปีชง 100% และทางวัดก็มีพิธีการแก้ชง โดยการไหว้พระราหูและรอดโบสถ์ เราจึงได้ร่วมทำพิธีเป็นครั้งแรกกับทางวัด

เริ่มต้นที่ 100 บาท กับของไหว้พระราหู 1 ชุด อันประกอบด้วย ของดำ 8 อย่าง ธูป 8 ดอก เทียน 1 คู่ ดอกบัว 1 อัน ทอง 6 แผ่น และมีเจ้าหน้าที่วัดช่วยแนะนำ อธิบายการทำพิธี

แต่ก่อนจะเข้าพิธี เขาขออธิบายก่อนว่า ทำไหมต้องเป็นของดำ 8 อย่าง

การเตรียมของไหว้พระราหู เนื่องจากดาวราหูมีเลข 8 เป็นสัญลักษณ์ จึงมักจัดของดำไหว้ 8 อย่าง ซึ่งต้องประกอบด้วย ของคาว ของหวานหรือผลไม้ และเครื่องดื่ม ซึ่งในวันนี้ทางวัดทวีการะอนันต์ได้เตรียมไว้มีดังนี้
1. ข้าวเหนียวดำ หมายถึง ความเหนียวแน่นทางการเงิน
2. งาดำ หมายถึง การทำมาหากินที่ดี ไม่อดไม่อยาก
3. ถั่วดำ หมายถึง ความเจริญรุ่งเรือง
4. ไข่เหยี่ยวม้า หมายถึง การติดต่อสิ่งใด ก็จะสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้
5. ขนมโอริโอ้
6. ขนมเหนียว
7. เฉาก๊วย หมายถึง การคิดอะไร ก็จะสมหวัง
8. เป๊บซี่ หมายถึง การคิดอะไร ก็จะสมหวัง

การทำพิธี ต้องกลางแจ้ง โดยวางของที่ต้องการไหว้ราหูไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็จุดธูปเทียน แล้วสวดบทสวดพระราหู


ทางเจ้าหน้าที่ แนะนำให้นำของไหว้มาวางที่โต๊ะที่จัดไว้ แล้วเขียนชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ปีที่เกิด แล้วติดไว้ที่ของไหว้ จากนั้นไปจุดเทียน แล้วจุดธูปที่เทียนของเรา จากนั้น ให้ไปท่องคาถาบูชาพระราหู ดังนี้ 

คาถาบูชาพระราหู (ตั้งนะโม 3 จบ)

กุสเสโตมะมะ กุสเสโตโต ลาลามะมะ
โตลาโม โทลาโมมะมะ โทลาโมมะมะ
โทลาโมตัง เหกุติมะมะ เหกุติฯ

ยัตถะตังมะมะ ตังถะยะ ตะวะตัง
มะมะตัง วะติตัง เสกามะมะ
กาเสตัง กาติยังมะมะ ยะติกาฯ

นะโมเม พระราหูเทวานัง ธูปะทีปะ
จะปุปผัง สักการะวันทะนัง สูปะพะยัญชะนะ
สัมปันนัง โภชะ นานัง
สาลีนัง สะปะริวารัง อุทะกังวะรัง
อาคัจฉันตุ ปะริภุญชันตุ สัพพะทา
หิตายะ สุขายะ พระราหูเทวา
มะหิทธิกา เตปิ อัมเห
อะนุรัก ขันตุ อาโรคะ
เยนะ สุเขมะจะฯ

หลังจากนั้น ก็ไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิด สำหรับปีมะโรง คือ พระธาตุที่วัดพระสิงห์จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางวัด จัดป้ายไว้ให้ท่องบูชา 


เสร็จแล้ว ก็ให้มาท่อง วิธีลอดโบสถ์ ต่อ ดังนี้

วิธีลอดโบสถ์
ตั้งนะโม 3 จบ ก่อนเข้าไปลอดโบสถ์
ข้าพเจ้าปิดทองลอดโบสถ์ ทุกข์นานา ติดเนื้อหนังมังสา กรรมปัจจุบัน ให้หลุดพ้น ปัจจขามิ
1. ข้าพเจ้าชื่อ นามสกุล ..................อวมงคลติดเนื้อหนังมังสา แต่ใดมาขอให้หลุดพ้น สูญหายไป
2. ข้าพเจ้าต้องการธรณีสาร-อุบาทว์แปดประการตามโบราณว่าต้องแต่ใดมา ขอให้หลุดพ้น
3. ข้าพเจ้าต้องมีน้ำมันผีพราย ติดเนื้อหนังมังสาแต่ใดมาขอให้หลุดพ้น ปัจจขามิ
4. ข้าพเจ้าต้องเดียรัจฉาน เสน่ห์หา ติดเนื้อหนังมังสาแต่ใดมา ให้หลุดพันไป
5. ข้าพเจ้าต้องคุณ 12 ภาษา ติดเนื้อหนังมังสาแต่ใดมา ขอให้หลุดพ้น ปัจจขามิ
6. ข้าพเจ้าต้องมนต์ดำ มนต์แดง แต่ใดมา ขอให้หลุดพัน สูญหายไป
7. ข้าพเจ้าต้องโรคาพยาธิ เกิดโรคภัยไข้เจ็บ รักษามิได้สร่างซา ขอให้หลุดพ้น ปัจจขามิ
8. ข้าพเจ้าต้องโรคกรรม โรคเวร ปัจจุบันโรคกรรม ขอให้หลุดพ้น สูญหายไป ปัจจขามิ
9. ข้าพเจ้าปิดทองลอดโบสถ์ในครั้งนี้ จงหนุนวาสนา หนุนบารมี ให้มั่งมีศรีสุข สิ่งปรารถนา
จงสำเร็จเจตนา ทุกประการด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

หลังจากนั้น ให้นำธูปไปปักในพระถาง แล้ว เตรียมเงินจำนวน 12 เหรียญ หรือ 12 บาท ห่อรวมกับกระดาษที่เขียนชื่อเราไว้ แล้วนำไปหยอดที่กระปุกที่มือพระราหูถือไว้ ก่อนทางเข้าลอดโบสถ์ แล้วติดแผ่นทองที่พระราหู จากนั้นให้นำ ดอกบัว และทองที่เหลือ เข้าไปบูชาพระที่ใต้โบสถ์


พระภายใต้โบสถ์



ส่วนทางออกจะเป็นแบบนี้ค่ะ





หลังจากนั้น ก็ให้วนโบสถ์ไปทางขวามือของเรา เป็นอันเสร็จพิธี แล้วจะกลับมาลาของไหว้นำกลับบ้านก็ได้ หรือจะให้ทางวัดไว้ก็แล้วแต่ศรัทธาของเราค่ะ

เมื่อทำพิธีเสร็จ เราก็เดินเล่นชมบรรยากาศของวัด ซึ่งภายในวัดก็มีกิจกรรมมากมาย และยังก่อสร้างเพิ่มเติมอีกหลายจุดค่ะ ซึ่งเราก็ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ชมนะค่ะ แต่แนะนำลองไปชมวัดกันดูนะค่ะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ