ขอใช้บทความนี้แทนการระบายความในใจของฉัน กับประสบการณ์เฉียดตาย และฉันอาจต้องการเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย .... ความรู้สึกผิดมันติดในใจการอยู่ตัวคนเดียว ไร้พ่อแม่ และคนรัก ทำให้ไม่ได้รับอ้อมกอดจากใครได้...
เหตุการณ์ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2560 ณ ขุนยวม เส้นทางขากลับจากแม่ฮ่องสอน บรรยากาศและเส้นทางโค้งซ้าย โค้งขวา เยอะมากค่ะ และวันนั้น มีฝนตกพร่ำ ๆ ถนนเปียกเป็นช่วง ๆ ไม่ได้วิ่งเร็วอะไร แต่ก็ค่อยข้างรีบเล็ก ๆ เพราะอยากกลับกรุงเทพให้ทันเที่ยงคืน ขณะขับลงมาประมาณ บ่าย 2 พื้นถนนเปียก ขาลงเขา มีโค้ง เราขับรถลงมาประมาณน่าจะ 80 แล้วเลี้ยวขวาซ้ายทันใดนั้น รถแฉลบไปทางขวา เพราะถนนลื่น เราจึงหักพวงมาลัยเข้าซ้าย รถหลุดจากการควบคุม หมุนวนไปหนึ่งรอบ และลอยไปกระแทกภูเขาทางฝั่งคนนั่ง รถเหมือนโอนเอียงจะคว่ำ แล้วพุ่งชนต้นไม้ เราหักพวงมาลัยกลับ พยายามเอารถขึ้นมาบนถนนที่ข้างทาง แต่เสียงกรี๊ด และร้องของคนที่นั่งข้างคนขับ ดังมากกกก... ยังติดหูเราอยู่เลย... เรารู้สึกว่า เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนภาพสโลว์โมชั่น ในใจตอนนั้น เมื่อรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุนั้น เราจำได้ว่า หันไปดูคนที่นั่งข้าง และพูดขอโทษเขาว่า ขอโทษพี่.... ขอโทษพี่... และพี่เขาเองก็เรียกชื่อเรา ตอนที่รถชนต้นไม้ พี่เขาก็ตะโกนให้เหยียบเบรก เหยียบเบรก แต่เราพยายามหักหลบและประคองรถขึ้นมาบนไหล่ทางจึงยอมจอด ....
พี่ที่นั่งข้าง เป็นเจ้าของรถ ... เขาตกใจมาก ๆ และเงียบไปเลย ทำให้เรายิ่งเสียใจมาก ๆ ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ในรถมีกันอยู่ 3 คน รวมเรา ทุกคนปลอดภัยดี ทำให้เหตุการณ์นี้เราไม่ได้กลายเป็นฆาตกร... เราไม่รู้หรอกนะว่าคนอื่นจะคิดยังไร แต่ความรู้สึกเรา เราไม่ได้ตกใจจากเหตุการณ์นี้ แต่เราเสียใจที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ... เพราะยังไง เราก็เชื่อว่า อุบัติเหตุไม่ได้เกิดจากดวง แต่มันเกิดจากความประมาท ซึ่งความประมาทของเราก็คือ คิดว่า เราสามารถขับรถลงเขาและควบคุมรถได้ โดยไม่ทันนึกถึงว่ามีปัจจัยของสิ่งแวดล้อม ฝนตก ถนนลื่น ถนนเปียก ทำให้เราซึ่งขับรถพลาดได้ และที่สำคัญ เราคิดว่าตัวเองเก่งพอ ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุในการขับรถขึ้นลงเขาเลย ทำให้เราเกิดความชะล่าใจว่าเราสามารถควบคุมรถได้ หลังจากนั้น พี่เจ้าของรถก็เป็นคนขับรถกลับตลอดทาง และแวะพักอีกคืนที่ข้างทาง เราเองก็ไม่กล้าที่จะขอช่วยขับรถเลย ทั้ง ๆ ที่เราไปเพื่อเป็นคนขับรถให้พี่เขาแท้ ๆ พี่เขายิ่งเหนื่อยและเครียด เราก็ยิ่งรู้สึกแย่มาก ๆ
ตอนนี้ เรารู้สึกผิด รู้สึกเหมือนว่าตนเองเกือบเป็นฆาตกร ดีที่ทุกคนไม่เป็นไร ... รถเสียหาย แต่คนรอด..ก็ยังดีที่บุญรักษา แต่วันนี้ เราเพียงอยากระบาย อยากร้องไห้ และเราขอเพียงให้เวลาเป็นเครื่องเหยี่ยวยาเราให้รุ้สึกหลุดพ้นจากความรู้สึกนี้...
และวันนี้ เราก็ต้องขอขอบคุณพี่ ๆ ที่ ให้อภัยเรา พี่เจ้าของรถที่ยกโทษให้เรา พี่ที่ไปด้วยที่ปลอบใจ และให้กำลังใจเรา เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่รู้เรื่อง และส่งกำลังใจมาให้ พร้อมคำปลอบโยน แต่เราคิดถึงพ่อที่สุด อยากกอดพ่อที่เสียไปแล้ว... รู้สึกอยากกอดใครสักคนที่เรารัก...และขอบคุณที่วันนี้เรายังมีชีวิตได้กลับมาบ้าน ได้มาจุดธูปกอดเสื้อพ่อ และต้องมีชีวิตสู้ต่อไป...
ขอบคุณคนอ่านที่ทนอ่านอะไรไม่รู้ แค่เราอยากระบายเท่านั้น ..ง
วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
นกชายเลนปากช้อน (Spoon-billed Sandpiper) แห่งปากทะเล
นกชายเลนปากช้อน (Spoon-billed Sandpiper)
ปากทะเล แหล่งดูนกชายเลน นาเกลือแห่งสุดท้ายของเมืองไทย ในการติดตามดูนกชายเลนที่หายาก หรือนกชายเลนที่อพยบมาในเมืองไทย และตัวที่อยู่ในจุดวิกฤต เหลือเพียงไม่ถึง 2000 ตัวในโลก คือ น้องสปูนนี่ หรือ นกชายเลนปากช้อน Spoon-billed Sandpiper นั้นเอง
ในทุก ๆ ปี ของประเทศไทย ในช่วงเดือน ตุลาคม ถึง มีนาคม จะเริ่มมีนักดูนก นักอนุรักษ์ได้ทำการติดตามาดูนก ตามหานกชายเลนปากช้อนนี้ กันที่ โคกขาม และ ปากทะเล ในส่วนของปากทะเล มีศูนย์อนุรักษ์นก และพื้นที่อนุรักษ์ของทางงสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ร่วมกับประชาชนในท้องถิ่น และส่วนราชการในการทำพื้นที่ชุ่มน้ำสำหรับการอนุรักษ์นกชายเลน เพื่อให้เป็นแหล่งอาหารที่พำนักพักพิง ในช่วงฤดูอพยบของเหล่านกชายเลน ซึ่งมีรายการชนิดของนกชายเลนที่พบในพื้นที่มากกว่า 100 ชนิด และนกที่หายากใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่งก็คือ นกชายเลนปากช้อน หรือน้อง สปูนนี่ของเหล่านักดูนก
ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เราได้มีโอกาสร่วมกับทางนักอนุรักษ์ไปติดตามดูนกชายเลนปากช้อน และในปี 2560 นี้ มีรายงานการพบนกชายเลนปากช้อนถึง 5 ตัวตั้งแต่ต้นฤดูกาลอพยบ โดยมี 3 ตัว ที่ยังไม่มีป้ายติดตามที่พวกนักอนุรักษ์เรียกว่าธง และมีเรื่องเล่าของ นกชายเลนปากช้อน ที่ติดรหัสธง 05 ว่า มีการเดินทางมาที่เมืองไทยนานถึง 5 ปี แล้ว และมีรายงานการจับคู่ของเจ้านกตัวเนี่ย และสามารถวางไข่ มีลูก รอดมาได้หลายรอบปี ทำให้เป็นนกคุณแม่ที่ได้รับความสนใจและติดตามของเหล่านักอนุรักษ์....
สำหรับประเทศไทย ปัญหาของการลดลงของพื้นที่ชุ่มน้ำ หรือ การทำนาเกลือแบบสมัยเก่า ไม่มีการคลุมหน้าดิน หรือการทำนาเกลือตามธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นแหล่งอาหารของนกชายเลน นั้นมีลดลง อีกทั้ง โครงการของการพัฒนาพื้นที่ การจัดทำโครงการแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งกินพื้นที่ของนาเกลือ การพัฒนาเหล่านั้นส่งผลกระทบต่อพื้นที่หากินของนกชายเลนเหล่านั้น และเพิ่มโอกาสเสี่ยงของการสูญพันธุ์ของนกชายเลนปากช้อนในอนาคตอย่างแน่นอน...
เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ไปลองเรียนรู้วิถีการทำนาเกลือ เรียนรู้จักนกชายเลนชนิดต่าง ๆ และตระหนักถึงความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของนกชายเลนปากช้อนในเมืองไทย ... หาการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ยังไม่สามารถสอดคล้องไปกับธรรมชาติ ลดการทำลายธรรมชาติได้...
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)