หลังจากได้เรียนรู้จักธรรมชาติบำบัดมานานกว่า 5 ปี เพิ่งมีโอกาสป่วยจริงจังก็ครั้งนี้ สาเหตุเนื่องจากอากาศหนาว และนอนน้อย ทำให้เกิดอาการเจ็บคอมาเป็นอันดับแรก
ในวันแรกที่มีอาการเจ็บคอ ก็ตั้งใจไว้เลยว่า ฉันจะไม่ทานยา จะรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด...อาการเจ็บคอวันแรก มีเล็กน้อย ไม่มีไข้ ฉันก็แค่จิบน้ำอุ่น ๆ ไม่ทานน้ำเย็น กลั้วคอด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือ 4 -5 ครั้งต่อวัน แปรงฟัน แปรงลิ้นด้วยทุกครั้งหลังอาหาร
วันที่สอง อาการเจ็บคอมากขึ้น ถึงขนาดกลืนน้ำลายแล้วยังเจ็บ ทานอาหารได้แต่ข้าวต้ม เหมือนต่อมทอลซินจะอักเสบ วันนี้ จิบน้ำโหระพาต้ม กับทานข้าวต้มกับหมูหยองทั้งวัน จิบน้ำเอนไซม์ชนิดเช้มช้น แก้เจ็บคอ กลั้วคอด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือ 4 -5 ครั้งต่อวัน แปรงฟัน แปรงลิ้นด้วยทุกครั้งหลังอาหาร
วันที่สาม อาการเจ็บคอดีขึ้น แต่เริ่มคอแห้ง เสียงแห้ง ยังทานแต่น้ำอุ่น และข้าวต้ม วันนี้กินยำปลาทูน่าเข้าไป ดื่มน้ำเอนไซม์พลังบำบัดผสมน้ำอุ่น อัตราส่วน 30 ซ๊ซ๊กับน้ำอุ่น 1 แก้ว กลั้วคอด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือ 4 -5 ครั้งต่อวัน แปรงฟัน แปรงลิ้นด้วยทุกครั้งหลังอาหาร
วันที่สี่่ อาการเจ็บคอหายสนิท แต่คอแห้งมาก เสียงหาย ไม่มีเสียง ไม่มีเสมหะ ผสมน้ำผึ้งมะนาวน้ำอุ่นจิบทานทั้งวัน วันนี้ทานโจ๊ก และข้าวต้ม ยังดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดผสมน้ำอุ่น อัตราส่วน 30 ซ๊ซีกับน้ำอุ่น 1 แก้ว กลั้วคอด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือ 4 -5 ครั้งต่อวัน แปรงฟัน แปรงลิ้นด้วยทุกครั้งหลังอาหาร ใช้ยาพ่นคอ และอมยาอมมะขามป้อม
วันที่ห้า เริ่มมีอาการไอ คอแห้งมากขึ้น เสียงหาย โดยเฉพาะกลางคืนไอตลอด นอนไม่ค่อยได้ ยังคงกลั้วคอด้วยน้ำอุ่นผสมเกลือ 4 -5 ครั้งต่อวัน แปรงฟัน แปรงลิ้นด้วยทุกครั้งหลังอาหาร และจิบน้ำผึ้งมะนาวน้ำอุ่น ทานข้าวต้ม และดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดผสมน้ำอุ่น อัตราส่วน 30 ซ๊ซีกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ใช้ยาพ่นคอ และอมยาอมมะขามป้อม
วันที่หก ยังมีอาการไอ และเริ่มมีเสมหะ น้ำมูก เสียงยังหาย ยังคงสู้ต่อด้วยการจิบน้ำผึ้งผสมมะนาวน้ำอุ่น ตลอด กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ และแปรงลิ้นทุกครังหลังอาหาร และดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดผสมน้ำอุ่น อัตราส่วน 30 ซ๊ซีกับน้ำอุ่น 1 แก้ว ใช้ยาพ่นคอ อมยาอมมะขามป้อม และคืนนี้ต้องกินยาขยายหลอดลม เพราะเสมหะทำให้หายใจไม่ออก
วันที่เจ็ด เริ่มมีเสียงกลับมาแล้ว เสมหะเริ่มมากขึ้น ไอเวลากลางคืน แต่ทิ้งช่วง หลับได้บ้าง อาหารเริ่มทานโจ๊กใส่ไข่ ยังคงจิบน้ำผึ้งผสมมะนาวน้ำอุ่น และดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดบัดผสมน้ำอุ่น แปรงลิ้น กลั้วคอด้วยน้ำเกลือ เหมือนเดิม ใช้ยาพ่นคอ และอมยาอมมะขามป้อม คืนนี้ก็ทานยาขยายหลอดลม เพราะนอนราบไม่ได้เลย
วันที่แปด เสียงกลับมาพูดได้เกือบ 70% แล้ว เสมหะมีบ้าง ไอลดลง แต่ยังคงคันคอ ระคายคอ ยาอมมะขามป้อม กับจิบน้ำมะนาวน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น ทานโจ๊ก ทานก๋วยเตี๋ยว แปรงลิ้น กลั้วคอหลังทานอาหาร ดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดผสมน้ำอุ่น อัตราส่วน 30 ซ๊ซีกับน้ำอุ่น 1 แก้ว
วันที่เก้า เสียงกลับมาเกือบปกติ ยังไอเล็กน้อย มีเสมหะอยู่ ทานโจ๊ก ถ้าระคายคอ ยังอมยาอมมะขามป้อม จิบน้ำมะนาวน้ำผึ้ง และกลั้วคอด้วยน้ำเกลือเหมือนเดิม ดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดผสมน้ำอุ่น อัตราส่วน 30 ซ๊ซีกับน้ำอุ่น 1 แก้ว
วันที่สิบ เสียงปกติ ระคายคอบ้าง เวลาถูกความเย็น ไอกลางคืนเล็กน้อย ยังมีเสมหะนิดหน่อย ใช้ชีวิตปกติ แต่ยังไม่ดิืมน้ำเย็น ดื่มน้ำพลังเอนไซม์บำบัดผสมน้ำอุ่น อัตราส่วน 30 ซ๊ซีกับน้ำอุ่น 1 แก้ว
สรุปผลการทดลอง การรักษาด้วยธรรมชาติบำบัด ใช้ระยะเวลานานกว่าปกติมากกก และบางอาการ เช่น เวลามีเสมหะเยอะ ๆ จำเป็นต้องใช้ยาละลายเสมหะ เช่นยาอม หรือยาพ่น และถ้ามีน้ำมูกหรือเสมหะมาก ๆ จน หลอดลมตีบ ก็ต้องใช้ยาขยายหลอดลม
วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2561
วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561
ประสบการณ์อันหนาวเหน็บ
เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้มีโอกาสเดินทางร่วมทริปขึ้นเหนือไปกับคนรุู้จัก ก่อนเดินทางฉันถามว่า หนาวไหม ต้องเตรียมเสื้อกั้นหนาวระดับไหน พี่ตอบมาว่า ... ไม่หนาว เอาแบบบาง ๆ ไปก็พอ ... โอเค รับทราบ ...
การเดินทางไปเหนือครั้งนี้ แค่วันแรกที่น่าน อากาศหนาวเข้ามาเยือน แต่โชคดีของเราที่ได้พักโรงแรมที่อบอุ่นเพียบพร้อม และสำหรับวันที่สอง ที่เขาต้องเดินทางขึ้นดอย ไปนอนกับชาวบ้านบนเขา ได้พักในกระต๊อบเล็ก ๆ ที่มุงด้วยใบตองตึง ลมพัดหนาวเย็นมาก ตัวฉันมีแค่เสื้อบาง ๆ ที่ใส่ไว้ 4 ชั้น และเสื้อกันลมบาง ๆ อีก 1 ตัว กางเกงยีนต์ กับกางเกงนอนใส่ซ้อนกัน 2 ชั้น อากาศที่หนาวเย็น ได้ผ้าห่มจากชาวบ้านมาอีก 1 ผืน ยังไม่สามารถบรรเทาความหนาวเย็นนี้ได้
เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของฉันในการขึ้นดอยที่ไม่พร้อมขนาดนี้ คืนนั้นทั้งคืนฉันนอนมาก หนาวจนนอนไม่หลับ หนาวไปถึงกระดูก สมองของฉันคิดทบทวนไปยังเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อที่จากไป เรื่องราวที่ทำผิดพลาด เรื่องราวที่ยังอยากทำ ความหนาวทำให้นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ปลายเท้าที่เย็นทำให้ปวด ปลายมือที่เย็นทำให้ชา ความหนาวและลมทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว ....
หากความหนาวเหน็บ ฆ่าคนได้ คงเป็นจิตใจที่ยอมแพ้มาก่อน แล้วร่างกายก็จะตายตาม ....คืนวันแรกผ่านไป คืนวันที่สอง คืนวันที่สาม ทำให้รู้สึกกลัว กลัวความหนาว กลัวความเหงาที่ก่อเกิดในจิตใจ....
ความหนาว ที่ไร้แสงแดด วันนี้ฝนพร่ำ วันที่หมอกหนา วันที่แสงแดดไม่ออก วันนี้มีแต่ความชื้น เป็นอะไรที่ไม่ดีเลยที่เดียว... ชาวเขา ชาวบ้าน เขาเก่งในการใช้ชีวิตแบบนี้ อาหารที่ตอนเช้าเป็นข้าวต้มธัญพืชที่อบอุ่นและให้พลังงานสูง ดีต่อสุขภาพมาก ของหวานเป็นกล้วย เป็นแป้ง ก็ให้พลังงานและเสริมวิตามินได้ดี ...
ขอบคุณประสบการณือันหนาวเหน็บที่ให้ฉันได้เรียนรู้ และไม่ประมาทกับชีวิตอีกต่อไป...
การเดินทางไปเหนือครั้งนี้ แค่วันแรกที่น่าน อากาศหนาวเข้ามาเยือน แต่โชคดีของเราที่ได้พักโรงแรมที่อบอุ่นเพียบพร้อม และสำหรับวันที่สอง ที่เขาต้องเดินทางขึ้นดอย ไปนอนกับชาวบ้านบนเขา ได้พักในกระต๊อบเล็ก ๆ ที่มุงด้วยใบตองตึง ลมพัดหนาวเย็นมาก ตัวฉันมีแค่เสื้อบาง ๆ ที่ใส่ไว้ 4 ชั้น และเสื้อกันลมบาง ๆ อีก 1 ตัว กางเกงยีนต์ กับกางเกงนอนใส่ซ้อนกัน 2 ชั้น อากาศที่หนาวเย็น ได้ผ้าห่มจากชาวบ้านมาอีก 1 ผืน ยังไม่สามารถบรรเทาความหนาวเย็นนี้ได้
เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของฉันในการขึ้นดอยที่ไม่พร้อมขนาดนี้ คืนนั้นทั้งคืนฉันนอนมาก หนาวจนนอนไม่หลับ หนาวไปถึงกระดูก สมองของฉันคิดทบทวนไปยังเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพ่อที่จากไป เรื่องราวที่ทำผิดพลาด เรื่องราวที่ยังอยากทำ ความหนาวทำให้นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ปลายเท้าที่เย็นทำให้ปวด ปลายมือที่เย็นทำให้ชา ความหนาวและลมทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว ....
หากความหนาวเหน็บ ฆ่าคนได้ คงเป็นจิตใจที่ยอมแพ้มาก่อน แล้วร่างกายก็จะตายตาม ....คืนวันแรกผ่านไป คืนวันที่สอง คืนวันที่สาม ทำให้รู้สึกกลัว กลัวความหนาว กลัวความเหงาที่ก่อเกิดในจิตใจ....
ความหนาว ที่ไร้แสงแดด วันนี้ฝนพร่ำ วันที่หมอกหนา วันที่แสงแดดไม่ออก วันนี้มีแต่ความชื้น เป็นอะไรที่ไม่ดีเลยที่เดียว... ชาวเขา ชาวบ้าน เขาเก่งในการใช้ชีวิตแบบนี้ อาหารที่ตอนเช้าเป็นข้าวต้มธัญพืชที่อบอุ่นและให้พลังงานสูง ดีต่อสุขภาพมาก ของหวานเป็นกล้วย เป็นแป้ง ก็ให้พลังงานและเสริมวิตามินได้ดี ...
ขอบคุณประสบการณือันหนาวเหน็บที่ให้ฉันได้เรียนรู้ และไม่ประมาทกับชีวิตอีกต่อไป...
The Good Doctor เป็นหนังที่สื่อให้เห็นสิ่งดี ๆ
เรื่อง The Good Doctor เป็นหนังเกี่ยวกับ ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นออทิสติก แต่มีความทรงจำอันเป็นเลิศ ทำให้เขาใฝ่ฝันอยากเป็นศัลยแพทย์เพื่อน้องชายของเขา และเขาได้รับสนับสนุนจากหมอผู้หนึ่งพร้อมรับเขาเข้าทำงานในโรงพยาบาลที่ตนเองบริหารงานอยู่ แต่ทุกอย่างก้าวเขาต้องพิสูจน์ตนเองกับคนรอบ ๆ ข้าง ....
แต่หนังเรื่องนี้ กลับไม่ได้แสดงให้เห็นแต่เพียงด้านเดียว มิได้ ให้ตัวเอก โดดเด่น เก่งกาจ เป็นเลิศ แต่ให้เห็นถึงศักยภาพของทั้งทีมแพทย์ศัลยกรรม ความทรนง ความอวดดี การยอมรับ การเคารพ และการมองนอกกรอบ เรื่องนี้นำเสนอให้เห็นในทุก ๆ ด้าน ในสังคม แม้แต่บางตอนที่เสียดสีสังคม ใจของมนุษย์ได้อย่างชัดเจน เช่น พ่อแม่ที่รักลูกที่เป็นออทิสติกมาก ดูแล เลือกแต่สิ่งดี ๆ ให้ลูก สุดท้ายก็ทำให้ลูกเป็นมะเร็ง หรือไม่อาจยอมรับหมอออทิสติก ที่เป็นอย่างลูกได้ เพราะไม่มีความเข้าใจและเชื่อมั่นหรือจิตใจที่คับแคบ ไม่เปิดกว้าง...
การสื่อสารของหนังเป็นไปอย่างนุ่มนวล ชวนให้ติดตามดูในทุก ๆ ตอน ความผิดพลาดของศัลยแพทย์ การก้าวข้ามความผิดพลาดนั้นไป การยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น การเดินหน้าต่อไป การยอมรับความเป็นตัวตนของคนอื่น การยอมที่จะขอโทษ และให้อภัย ล้วนมีสื่อในหนังเรื่องนี้...
เป็นหนังที่ควรค่าแก่การดู โดยเฉพาะใครที่มีผู้ป่วยที่ต้องดูแล การดูหนังเรื่องนี้ยังทำให้เราเห็นถึงสิทธิของผู้ป่วย การที่แพทย์ต้องยอมรับสิทธิของเรา มิใช่ให้เราตามใจแต่แพทย์ที่รักษา การให้แพทย์คิดเปิดทางเลือกให้มากกว่าทางเดียวที่แพทย์ถนัด เช่น เอาแต่ต้องผ่าออก ทางเลือกที่สองไม่มี เพราะตนเองไม่ถนัด แพทย์เช่นนั้น คือ แพทย์สมัยโบราณ การรักษาโรคในสมัยนี้ เราจำเป็นต้องมีแพทย์ที่มองนอกกรอบ การนำศาสตร์ความรู้หลาย ๆ แขนง มาประยุกต์ในการดูแลผู้ป่วยรักษาผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยหายเร็วที่สุด และเจ็บตัวน้อยที่สุด...
นับว่าเป็นเรื่องที่ดูแล้วอยากดูซ้ำมากที่สุดเลยที่เดียว
วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561
นกเอี้ยงในความทรงจำ
นกเอี้ยงในความทรงจำของผู้เขียน....
ผู้เขียนไม่ได้เป็นนักดูนกหรือนักถ่ายภาพนกแต่อย่างไร ... แต่วันนี้ได้มีโอกาสร่วมคณะมาเดินดูนกกับเหล่านักดูนกที่สวนรถไฟ... มีนกหลายชนิดมากที่ผู้เขียนเคยเห็นในวัยเด็ก แต่ก็ไม่ได้เคยสังเกต หรือรู้จักชื่อของนกเหล่านั้น....
นกตัวหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่า ใครหลาย ๆ คนก็คงเคยเห็นแต่ไม่เคยสังเกตุหรือรู้จักมัน....
ผู้เขียนไม่ได้เป็นนักดูนกหรือนักถ่ายภาพนกแต่อย่างไร ... แต่วันนี้ได้มีโอกาสร่วมคณะมาเดินดูนกกับเหล่านักดูนกที่สวนรถไฟ... มีนกหลายชนิดมากที่ผู้เขียนเคยเห็นในวัยเด็ก แต่ก็ไม่ได้เคยสังเกต หรือรู้จักชื่อของนกเหล่านั้น....
นกตัวหนึ่งที่ผู้เขียนคิดว่า ใครหลาย ๆ คนก็คงเคยเห็นแต่ไม่เคยสังเกตุหรือรู้จักมัน....
ภาพนี้เอามาจากน้องตู๋ อาสาสมัคร
เห็นภาพแล้วนึกออกกันไหมค่ะว่า เป็นนกอะไร เป็นนกที่เราคุ้นเคยและเห็นกันบ่อยมาก ... นกเอี้ยงนั้นเอง... ผู้เขียนก็เพิ่งเคยรู้ว่า นกเอี้ยงมีหลายชนิดนะในบ้านเรา สมัยเด็ก ๆ ในความทรงจำของผู้เขียน เราชอบร้องเพลงว่า นกเอี้ยงมาเลี้ยงควายเฒ่า ควายกินข้าวนกเอี้ยงหัวโต....555
วันนี้ผู้เขียนเลยได้รู้จักและพอแยกแยะลักษณะของนกเอี้ยงในบ้างเราได้บ้าง เช่น นกเอี้ยงในภาพ เป็นนกเอี้ยงสาลิกา จะเห็นว่ามีหนังรอบตาเป็นสีเหลือง เหมือนใส่หน้ากาก.... เท่ไม่หยอก...
ส่วนนกเอี้ยงควาย ที่ผู้เขียนจำได้ในตอนเด็ก ๆ จะเป็นนกปากส้ม ๆ หัวและคอดำ ลำตัวสีเทา ๆ น้ำตาล มีหงอนที่หัว ไม่มีหนังรอบตาสีเหลือง นั้นก็เรียกว่า นกเอี้ยงควาย...
ภาพนี้ผู้เขียนเอามาจาก google นกเอี้ยงควาย
ตอนนี้ ผู้เขียนก็เริ่มค้นกลับไปในความทรงจำ ก็จำได้ว่า มีนกเอี้ยงตัวดำ ๆ ที่มีหงอน แบบเท่ ๆ อีกตัว คือนกเอี้ยงควาย หรือเปล่า ปรากฏว่า เจ้าตัวที่มีหงอนที่หัวเท่ ๆ ตัวดำสนิท เลย เป็นอีกชนิด เรียกว่า นกเอี้ยงหงอน...
นกเอี้ยงหงอน เจอะได้ที่สวนรถไฟด้วย
สรุปว่า วันนี้ นกเอี้ยงในความทรงจำของผู้เขียน เพิ่มจาก นกเอี้ยงในควาทรงจำที่เป็นเอี้ยงเหมือน ๆ กัน กลายเป็น นกเอี้ยงสาลิกา มีหนังรอบตาสีเหลือง นกเอี้ยงหงอน ตัวดำสนิทมีก้นขาวมีหงอนเท่ ๆ และนกเอี้ยงควาย ที่ไม่เจอะที่สวนรถไฟ มีหงอนสั้น ๆ แต่ตัวออกสีเทา ๆ นั้นเอง
แต่นกเอี้ยงที่เลี้ยงควาย ก็ไม่ใช่แค่นกเอี้ยงควายนะ มันขึ้นหลังควายทุกเอี้ยงเลย เพราะมันไปหาแมลงบนตัวควายกินนั้นเอง... สรุปว่า นกเอี้ยงมาเลี้ยงควายเฒ่า ไม่ใช่แล้ว แต่เป็นควายเป็นแหล่งอาหารให้กับนกเอี้ยงนั้นเอง...
ขอบคุณกิจกรรมเดินดูนกในสวนของสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ที่ทำให้ผู้เขียนได้ระลึกถึงนกเอี้ยงในความทรงจำ
วัดลาดปลาเค้า วัดแห่งความทรงจำ
วัดลาดปลาเค้า
ถนนรามอินทรา กม. 2 เขตบางเขน กรุงเทพ
วัดลาดปลาเค้า เป็นวัดเก่าแก่ ที่ฉันเห็นมาตั้งแต่ยังเด็ก สมัยกว่า 40 ปีที่แล้ว ย่านลาดปลาเค้า เป็นทุ่งหญ้า มีแหล่งน้ำ มีคลองขนาดใหญ่ ที่มีปลาเค้าชุกชุมมาก ฉันจำได้ว่า ยังเคยพายเรือไปเรียนที่โรงเรียนข้างวัด เป็นวัดที่เด็ก ๆ ได้มากินข้าววัดในตอนเที่ยง แต่เดียวนี้ วัดลาดปลาเค้า พัฒนาการไปมาก คลองข้างวัดที่เคยเห็นว่าใหญ่ ก็มีขนาดเล็กลง ชุมชนชาวบ้านข้างวัดก็ดูเหมือนบ้านกำแพงติดชิดกันไปหมด อาคารต่าง ๆ ในวัดก็สวยงามใหญ่โตขึ้นมาก.....
วันนี้ ได้มีโอกาสมาทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทานที่วัด และมีโอกาสดีมาก ๆ ที่ได้เข้าไปชมพระอุโบสถหลังใหม่ ใหญ่โตกว่าพระอุโบสถหลังเดิม ....ที่ฉันเคยเข้าไปทำพิธีพุทธมามะกะ...
ภายในพระอุโบสถหลังใหญ่นี้ หลังคาสูงมาก มีภาพจิตนกรรมฝาผนัง เป็นพุทธประวัติ ที่วาดอย่างสวยงาม วิจิตรบรรจง
พระประธาน เป็นพระพุทธชินราช องค์ใหญ่โต สวยงาม สีเหลืองอร่าม ฉันได้กราบนมัสการท่าน เพิ่มบุญบารมี และสติปัญญา ในปีใหม่นี้...
ชุมชนชาวลาดปลาเค้า กับคลองที่เคยใหญ่โต ตอนนี้เหลือเพียงแค่นี้ พอสัญจรได้ด้วยเรือพายเล็ก ๆ ....
ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ฉันเองก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมพิธีสวดมนต์ข้ามปี ภายในโบสถ์หลังใหม่นี้ หลังจากได้ย้ายกลับมาอยู่ยังถิ่นฐานบ้านเดิมของฉัน ก็คงเป็นครั้งแรกส่งท้ายปี เริ่มต้นปีใหม่ด้วยการกลับมายังวัดลาดปลาเค้า อดีตที่อยู่ในความทรงจำในสมัยเด็กของฉัน....
แล้วคุณล่ะ มีวัดในความทรงจำของคุณหรือไหม....
วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561
ร้านกาแฟคาเฟ่แกะขาว White Sheep
วันนี้ได้ผ่านมาแถวซอยลาดปลาเค้า 60 ได้แวะร้านคาเฟ่แกะขาว White Sheep ในตำนาน 5555 เห็นผ่านตามาตั้งนานแล้ว .... บรรยากาศร้านน่าสนใจ ตกแต่งออกโทนสีขาว น้ำตาล ดำ มีสีเขียวแซม ดูน่าแวะถ่ายรูปดี เลยขอเข้าไปชมสักหน่อยหนึ่ง
ป้ายหน้าร้าน มีบริการโทรมาสั่ง Drive Thru ด้วยน่าสนใจมาก ๆ
มาถึงร้านกาแฟแกะขาว ก็ต้องเจอะกับรูปปั้นแกะที่ต้อนรับผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้ม...
ประตูทางเข้าหน้าร้าน เก๋ไก๋น่าดูชมเลยทีเดียว ผลักเข้าไปแอร์เย็นฉ่ำ
การตกแต่่งร้าน สไตส์โมเดริน เรียบง่าย ดูดี น่าสนใจถ่ายรูปมาก
แสง กับการจัดวาง โต๊ะ กับโคมไฟ โอเคเลยทีเดียว
มื้อนี้เราไปกับสองคน สั่งเพียง Hot Macadamia milk กับ Banoffee cake มาลองชิมกันหน่อย มาดูหน้าตากันค่ะว่าเป็นอย่างไร
รอไม่นานนัก เพราะไม่มีลูกค้า (ประมาณ 5 นาที) ก็มาเสริฟ
บาท๊อฟฟี่ ก็หน้าตาน่ากินดีนะ แต่รสชาติครีมแข็งแน่นมากไร้รสชาติ (น่าจะเป็นครีมสำเร็จรูป ไม่มีการปรุงแต่งเพิ่มเติม) กล้วยกับครีมและคุ๊กกี้ด้านล่างไม่เข้ากันเลย รสชาติแตกแยกมาก เพื่อนที่มาด้วยไม่กินต่อ เขี่ยเล่น เหลือทิ้ง เสียดายจริง ...
นมแม็กคาเดเมียร้อนของเรา ฟองนมเยอะมาก ข้นมาก บอกไม่หวานแต่ก็มาหวานพอดี โอเคอยู่ แต่กลิ่นไม่โอเค หืนนิด ๆ ไม่รู้เพราะอะไร...
ขอสรุปภาพรวมของร้าน
- บรรยากาศของร้าน 3/5 คะแนน
- การบริการของร้าน 3/5 คะแนน (พนักงานไม่ยิ้มแย้ม ไม่เสริฟน้ำให้ลูกค้าอีกคน ทั้ง ๆ ที่มากันสองคน สั่งคนเดียว ก็เสริฟแก้วเดียว มีน้ำใจมาก)
- บริการไวไฟ 0/5 คะแนน (มีบริการ แต่ใช้ไม่ได้ แจ้งพนักงานแล้วก็ไม่ทำอะไรให้)
- รสชาติเครื่องดื่ม 2/5 คะแนน (แค่อย่างเดียว อย่างอื่นอาจจะดี)
- รสชาติของหวาน 1/5 คะแนน (ร้านทำขนมเอง แต่รสชาติไม่อร่อย คุณภาพกับราคาไม่เหมาะสม ควรพิจารณาอีกครั้ง หรือปรับปรุงหน่อย ให้ขนมกับราคา และระดับของร้านเข้ากันมากกว่านี้)
ปล. ร้านนี้ เพื่อนเคยมาแล้ว 1 ครั้ง ก็ไม่ประทับใจ และไม่แนะนำ แต่เราอยากลองมาเอง แล้วก็ไม่ประทับใจเสียดายมาก บรรยากาศร้านออกดี ด้านบนชั้นสองก็มีโซน outdoor มีดนตรีเล่นด้วยตอนเย็น ...
อย่างไรก็ตามบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นจากทางเราเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการต่อว่า หรือว่าร้ายทางร้านแต่อย่างไร แต่อยากให้ทางร้านปรับปรุง และดูแลการบริการตลอดจนเครื่องดื่มของหวานให้ดีกว่านี้ค่ะ ครั้งหน้าไปใช้บริการใหม่ หวังว่าจะดีขึ้นนะค่ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)