--> เราเดินทางจากกรุงเทพด้วยรถทัวน์ไปลงที่พิษณุโลก แล้วมีเพื่อนขับรถมารับไปที่อุทยานภูสอยดาว เราตกลงเช่าบ้านที่อุทยานนอนพักกัน 1 คืน พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางขึ้นภู วันนั้นก็เดินเล่นดูนก ชมดอกไม้ ณ อุทยาน
เช้าวันรุ่งขึ้น รอจนเจ้าหน้าที่มาก็ 8 โมงกว่า กว่าจะได้ไปลงทะเบียน มีนักท่องเที่ยวมาหลายกลุ่มมาก ลงทะเบียนค่าเข้าอุทยาน 40 บาทต่อคน ค่ารถ 60 บาท ค่าประกันขยะ (ต้องเก็บกลับมา) 150 บาท และค่าลูกหาบคิดกิโลกรัมละ 20 บาท (จ่ายตรงกับลูกหาบเอง)
จุดมุ่งหมายของทริปนี้ คือ ไปดูทุ่งดอกหงอนนาค และเก็บภาพดอกหงอนนาคมาฝากเพื่อน ๆ
ก่อนอื่นขอแนะนำเกี่ยวกับ ดอกหงอนนาคกันสักนิดว่า คืออะไร
ดอกหงอนนาค หรือดอกหงอนเงือก หรือ น้ำค้างกลางเที่ยง หญ้าหงอนเงือก หงอนเงือก มีหลายชื่อมาก ตามแต่ที่จะเรียกกันของชาวบ้าน
โดยที่เรียกแบบนี้ ให้เราลองสังเกตุดูว่า บริเวณก้านดอก พบว่า มีลักษณะเป็นเกล็ด คล้ายเกล็ดพญานาค จึงให้ชื่อว่า ดอกหงอนนาค และ ที่เรียกว่า น้ำค้างกลางเที่ยง เพราะว่า ดอกจะบานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง โดย จะมีหยดน้ำค้าง ค้างอยู่บนเวณ กลีบเลี้ยง เป็นหยด จึงได้รับสมญานามว่า น้ำค้างกล้างเที่ยง นั้นเอง
ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์ของดอกหงอนนาค หรือน้ำค้างกลางเที่ยง คือ Murdannia giganteum ( Vahl. ) Br.
ลักษณะของดอกตามหลักพฤกษา คือ มีลักษณะออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือปลายยอด ดอกสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก กลีบดอก 3 กลีบ กลีบตรงกลางด้านบนจะตั้งฉากกับกลีบด้านข้างทั้ง 2 กลีบ ยามเช้าจะหุบดอก แล้วจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่
ส่วนช่วงเวลาออกดอก คือ ส.ค. - ต.ค.
ซึ่งในช่วงที่เราขึ้นไป ปรากฏว่า ฝนทิ้งช่วง แดดดีมาก ไม่มีหมอกให้ชื่นชมเลย แต่ความชื้นบนลานสน ณ ภูสอยดาว ยังคงมีอยู่ จึงเห็นดอกหงอนนาค หรือดอกหงอนเงือก อยู่เป็นทุ่ง แซมกับดอกกระดาษ สีเหลือง อยู่ทั่วลานสน
ความงาม อาจถ่ายทอดมิได้...เท่าที่คุณต้องไปดู และสัมผัสด้วยตัวคุณเอง...
ทิ้งท้ายกันด้วย ขอท้าคุณผู้กล้า พิชิตลานสน ณ ภูสอยดาว ซึ่งจะต้องเดินเท้าขึ้นเขาเป็นระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชั่วโมง.... รีบไปก่อนนะ ก่อนเข่าจะเสื่อม จำไว้ ตัดสินใจวันนี้ ก่อนวันหน้าจะไม่ได้มีโอกาสไป..... แล้วจะเสียใจ....
-->
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น