เรื่องเล่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องจริงจากครอบครัวหนึ่ง....แต่มิอาจเปิดเผยได้ หากไปตรงหรือคล้ายคลึงกับผู้ใด ผู้เขียนขออภัยไว้ ณ ที่นี้
หลังจากปี 2554 ที่มีน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทย โดยเฉพาะในบางเขตของกรุงเทพ ที่ได้รับผลกระทบนี้ หลังจากน้ำลด หลายครอบครัวที่ต้องสูญเสียเงินทอง แรงกาย แรงใจ ในการฟื้นฟูที่อยู่ การงาน และสุขภาพกลับคืนมา...ครอบครัวนี้ก็เช่นกัน...
ครอบครัวนี้ประกอบกันด้วย พ่อ ลูกชาย และลูกสาว ซึ่งปกติแล้วในบ้านที่น้ำท่วม พ่ออาศัยอยู่กับลูกสาวเท่านั้น ส่วนลูกชาย แต่งงานย้ายออกไปอยู่กับภรรยาแล้ว ระหว่างน้ำท่วม ลูกชาย (บ้านไม่ท่วม) ก็นับครั้งได้ที่เข้ามาช่วยเหลือ ปล่อยให้พ่อ และน้องสาว ต้องอาศัยอยู่ชั้นบนของบ้านที่ท่วม ตัวพ่อนั้น มีสุขภาพไม่แข็งแรง เป็นเบาหวาน และความดันมานาน ต้องรับประทานยาอย่างต่อเนื่อง เมื่อน้ำท่วมติดต่อกันนานกว่า 4 เดือน จึงไม่ได้ไปหาหมอ และไม่ได้ทานยาตามกำหนด ตัวน้องสาว ก็ตกงาน ออกมาค้าขาย และดูแลพ่อ ช่วงน้ำท่วมก็ไม่ได้ค้าขาย ต้องอาศัยเงินเก็บในการดำรงชีพ....โดยมิได้รับความช่วยเหลือใด ๆ จากพี่ชาย....
หลังจากน้ำท่วมผ่านพ้นไป...หน้าที่ฟื้นฟูซ่อมแซม ทำความสะอาดบ้าน น้องสาวก็เป็นคนทำทั้งหมด และทำเท่าที่ทำได้ จนถึงทุกวันนี้บางอย่างก็ปล่อยไว้ ไม่มีเงินพอจะซ่อมแซม... ส่วนตัวพ่อนั้น...หลังจากน้ำลด ก็มีอาการไม่มี มีการอ่อนเพลีย หมดสติ ซีด ลงทุกวัน .... น้องสาว จึงตัดสินใจพาพ่อไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเอกชน เพราะไปตรวจใช้สิทธิ 30 บาท ก็ได้ยา ความดัน ยาบำรุงเลือด ยาลดเบาหวานมาทานเหมือนเดิม โดยหมอมิได้ตรวจอย่างอื่นเพิ่มเติมเลย...
ผลตรวจปรากฏว่า พ่อเป็นโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ต้องทำการฟอกเลือดด่วน .... เพราะมีโอกาสเสียชีวิตได้ภายใน 3 เดือน (หมอบอก...) ตัวน้องสาว ตกใจมาก ร้องไห้ และรีบโทรหาพี่ชาย พี่ชาย...ก็รีบให้พ่อเข้าโรงพยาบาล เพื่อตรวจเช็กให้แน่ใจ ผลปรากฏออกมาเหมือนกัน ...สรุปต้องฟอกไต...ซึ่งมีค่าใช้จ่ายมากมาย....พี่ชาย...บอกน้องสาวว่าตนไม่มีเงินนะ เพราะค่าใช้จ่ายของตนและครอบครัวตนก็มากเกินแล้ว อีกทั้งยังต้องทำบ้านใหม่อีก....
น้องสาว...จึงปรึกษากับพ่อ และเข้ารับการทำหลอดเลือดเทียม และฟอกไตในเวลาต่อมา โดยใช้เงินเก็บทั้งของพ่อ และน้องสายช่วยกัน ผ่านพ้นมาจนเข้าปี 2556 นี้ พ่อและน้องสาวก็พยายามประหยัด และหาเงินมาเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่าย ส่วนตัวพื่ชาย ก็บอกแต่ว่า ไม่มี ไม่มี และบางครั้ง ก็ยังมาขอเงินจากน้องสาวไปใช้อีก น้องสาว พยายามตัดพี่ชาย ออกจากครอบครัว แต่ก็ด้วยความใจอ่อน ก็ต้องยอมทุกครั้ง จนถึงวันหนึ่ง...พี่ชาย ก็มาขอเงินจากน้องสาวอีก และบอกว่าจะคืนให้เหมือนทุกครั้ง แต่ก็ไม่เคยได้...น้องสาวถามพี่ชายว่า...ต้องมีก่อนถึงให้หรอ หรือต้องรอให้พ่อตายก่อนถึงสำนึก... เงินที่ยืมไป หรือเอาไปแล้วไม่คืน เป็นค่าใช้จ่ายในการฟอกไตของพ่อ...ยิ่งยืมไป ยิ่งเอาไป ชีวิตพ่อจะลดลงไปอีก ซึ่งวันหนึ่งหากเงินเก็บหมดแล้ว ไม่สามารถพาพ่อไปฟอกได้ ก็คงต้องปล่อยให้พ่อตายนะ...
บ้าน เมีย ความสะดวก สบาย ของพี่ชาย มาก่อนใช้ไหม ชีวิตพ่อ มาที่หลัง การใช้เงินของพี่ชาย ทำไหมถึง ให้ชีวิตพ่อเป็นสุดท้าย ... หากพี่มีเงินเดือน 10000 บาท แบ่งให้พ่อก่อนได้ไหม 100 บาท ก็ยังได้ แต่ทำไหม แบ่งให้ตนเอง ให้เมีย ให้บ้านก่อน จนแม้กระทั่ง เพียง 1 บาท ยังไม่สามารถแบ่งให้พ่อได้...
พี่รู้ไหม ... ทุกวันนี้ ไม่เพียงพ่อจะผิดหวังกับพี่ชาย น้องสาวคนนี้ ก็ผิดหวังเหลือเกิน และเหนื่อยมากด้วย ที่บ้านเรา...พี่ชาย รู้ไหม...เรารอวันนี้เงินเก็บหมด พ่อ กับน้องสาวคนนี้ ก็คงต้องขายบ้าน (ตามที่พี่ชายอยากให้ขายเอาเงินมาแบ่งกันมาก) ทั้ง ๆ พี่ชายก็รู้ พ่อรักบ้านนี้มากขนาดไหน พ่อทำงานหนักเพียงไหนเพื่อให้เรามีบ้านอยู่...
พี่รู้ไหม...พี่ชาย... ทำไหม กิจการเงินของพี่มันถึงไม่คล่องตัว เพราะพี่แบ่งความสำคัญของชีวิตผิดหรือเปล่า...พี่ชาย...รู้ไหมว่า... ความกตัญญูคือ สิ่งที่จะทำให้พี่ประสบความสำเร็จได้นะค่ะ....
พี่รู้ไหมค่ะว่า...พ่อและน้องสาว เฝ้ารอพี่กลับมาเป็นพี่ที่ดี เป็นลูกที่ดี จนแทบหมดความหวังแล้วค่ะ...
ชีวิตของพ่อ ชีวิตของน้องสาว ก็มีแต่นับวันหมดลง ...แล้วพี่ชายคิดว่า...จะเป็นคนสูบชีวิตเหล่านี้ หรือจะเป็นคนต่อชีวิตเหล่านี้ ดีค่ะพี่ชาย....
เรื่องนี้...เป็นเรื่องจริงค่ะ...และครอบครัวนี้ก็ยังใช้ชีวิตเช่นนี้อยู่ ผู้เขียนได้แต่เฝ้ามองและเป็นกำลังใจให้คนพ่อ น้องสาว และพี่ชายคนนั้น ให้รู้สึกตัว เปิดตามองครอบครัวที่มาของตนบาง .....
ผู้เขียน...ได้รับการเล่าเรื่องนี้จากน้องสาว เพื่อระบายความรู้สึกภายในใจบ้างค่ะ... น้องสาว...ผู้ที่เคยน่ารักสดใส จิตใจอ่อนโยน คนที่ผู้เขียนรู้จัก เดียวนี้ เธอคนนั้น หน้าตาแก่ ไร้ความสดใส ร่างกายอ่อนแอลงทุกวัน แต่ก็พยายามประคองตนเองไปเรื่อย ๆ ผู้เขียนขอให้เรื่องนี้ หากผู้อ่านได้อ่าน แล้วตระหนักคิดสักนิด อย่าให้ได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับครอบครัวไหนอีกเลยค่ะ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น