วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทเรียนราคาแพงในการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพถ่าย

อีกบทเรียนหนึ่งของชีวิต.... ที่ทำความผิดไปค่ะ 

ได้เอารูปจาก Facebook ของบุคคลท่านหนึ่งไปใช้ใน facebook ของบริษัท แล้วไม่ได้แจ้งก่อน เมื่อเจ้าของรูปมาเห็นเลยเกิดการฟ้องร้องขึ้น... ซึ่งเป็นความผิดจริง ที่เราทำ และขอรับผิดชอบอย่างเต็มที่ จึงได้มาเขียนบทความนี้ให้เป็นตัวอย่างไว้ เพื่อที่จะได้ไม่เกิดความผิดพลาด หรือทำผิดอย่างเราอีก...

"ความผิด แบบไม่ตั้งใจ แต่มีเจตนาจะกระทำ .... ไม่ตั้งใจ เพราะคิดว่า เพื่อน ๆ กัน รูปง่าย ๆ ไม่สำคัญอะไรหนักหนา  เจตนา คือ เอาภาพเขามา และทำการตัดต่อดัดแปลงใช้ประโยชน์จริง"

ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า ... เราเป็นเพื่อน ของเพื่อนเจ้าของรูป พวกเขาไปเที่ยวกันมา และนำรูปมาลง เราเห็นว่าสวยดี เลยเอารูปมาตัดต่อใส่ชื่อบริษัทเข้าไปแล้วนำมาโพสต์ใน facebook บริษัท ซึ่งทางบริษัท ไม่ได้รู้เรื่อง แต่เราทำเอง กะว่า...เดี๋ยวค่อยติดต่อเขาไปคงไม่เป็นไร ก็เพื่อน ๆ กัน พอดีมีงานต้องออกต่างจังหวัด เลยคิดเอาเองว่า เดี๋ยวค่อยติดต่อก็ได้ ซึ่งก่อนเดินทางเราทำการโพสต์รูปที่ตั้งวันที่ไว้ ให้มันทำการโพสต์ขึ้น Facebook โดยอัตโนมัติ์ จนกระทั่งรูปขึ้นไปยัง facebook นานหลายวัน ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม ถึง 14 สิงหาคม และพี่เจ้าของภาพได้มาเห็นในตอนเย็นวันที่ 13 สิงหาคม จึงเขียนมาสอบถามไว้ที่หน้า facebook แต่ทางเราไม่มีใครอยู่ออฟฟิค ผ่านไปเกือบ 1 วัน (ประมาณ 16 ชั่วโมง) ก็มีเพื่อน ๆ พี่เขา มาเขียน comment ไปต่าง ๆ นา ๆ และต่อว่าบริษัท และให้แสดงความรับผิดชอบ จึงทำให้เกิดกระแส คนอื่น ๆ เขามาดู ก็ comment ว่าร้ายกันไปอย่างมากมาก

จนกระทั่งน้องคนหนึ่งที่บริษัทได้เปิดดู และทราบเรื่อง จึงโทรแจ้งเรา ซึ่งกำลังขับรถกลับกรุงเทพพอดี ซึ่งก็ตกใจมากว่า เรื่องราวใหญ่โต ส่งผลเสียหายกับบริษัท เราจึงรีบหาเบอร์ติดต่อเพื่อนรุ่นพี่คนที่เราเอาภาพมาจาก facebook เขา และเป็นเพื่อนกับเจ้าของรูป  ซึ่งสรุปว่า เป็นภาพของเพื่อนรุ่นพี่ 1 ภาพ และเพื่อนของรุ่นพี่ 1 ภาพ ซึ่งเราก็รีบโทรไปขอโทษ พร้อมชี้แจ้งรายละเอียด ว่าเราเป็นผู้กระทำการณ์นั้น ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดขึ้นมา

แต่พี่ ๆ เขาก็คิดว่าเป็นการแก้ตัว ไม่ยอมอภัย ต้องการสั่งสอนเรา โดยให้เราแสดงความรับผิดชอบ ซึ่งเราก็พร้อมยอมรับผิด แสดงความเสียใจ และคำขอโทษ ยอมรับผิดทุกประการ ซึ่งพี่ ๆ เจ้าของรูปก็บอกว่าเขามีทนายพร้อมจะฟ้องร้องทันที ต้องให้บริษัทแสดงความรับผิดชอบด้วย

เราก็กล่าวคำ ขอโทษ ขอโทษ ไปหลายครั้งมาก กับความผิดครั้งนี้ และขอยอมรับผิดพร้อมจะแก้ไข เพื่อให้พี่ ๆ เขายอมอภัยในทุกทาง และขอคำแนะนำเขากลับไปว่า ...ทางพี่ ๆ ต้องการให้เราแสดงความรับผิดชอบอย่างไร เราพร้อมยอมรับผิดทุกอย่าง ซึ่งเป็นความผิดของเราคนเดียว (ส่วนบุคคล) ทางบริษัท ไม่ได้มีส่วนรู้เห็น เพราะเราทำไปโดยไม่ทันคิด (กะไว้ ค่อยจะโทรแจ้งเพื่อนรุ่นพี่อีกที ดันปล่อยเวลาให้ผ่านไป เป็นความผิดจริง ๆ ) ทางพี่เจ้าของรูป จึงเสนอให้เราเขียนขอโทษ และอธิบายไว้ที่หน้าเวปเป็นเวลา 30 วัน และให้โอนเงินไปให้เขา 4000 บาท เป็นค่ารูปลิขสิทธิ์  เราจึงขอให้พี่เขาส่ง ไฟล์ภาพ ของจริงให้ด้วย เพราะรูปเอามาจาก facebook ก็ขนาดเล็ก และแตกมากด้วย เมื่อตกลงกันแล้ว เราก็เข้าไปบริษัท และแจ้งรายละเอียดความผิดที่เรากระทำขึ้น..

ทางบริษัท จึงมีนโยบายออกมาให้เรา รับผิดทางวินัย และจ่ายค่าเสียหายอันนี้เอง โดยทางบริษัทจะออกจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการ และลงคำแถลงการณ์ขอโทษอีกครั้งในเวป facebook ที่ทางเราเอารูปมาลง.... และได้แสดงความจริงใจในการขอโทษ โดยการส่งจดหมาย คำแถลงการณ์ที่จะลงไปให้พี่ ๆ เขาอ่านก่อน และสามารถแก้ไข ดัดแปลง ให้พอใจที่สุด ซึ่งพี่ เขาก็แก้ไข และลงรายละเอียดตามที่เขาพึงพอใจ ซึ่งทางเรา ก็ยอมรับถ้อยคำซึ่งอาจจะรุนแรงบ้างที่พี่เขาใช้ โดยมิได้ดัดแปลงแต่อย่างไร พร้อมยอมลงคำแถลงการณ์ที่หน้าแรกของเวปเป็นเวลา 20 วัน ( ตอนแรกพี่เขาจะเอา 30 วัน เราพยายามต่อรอง ขอ 10 -15 วัน เขาก็ไม่ยอม เขาบอกว่า เป็นการสั่งสอนให้รู้สำนึกบ้าง แต่ก็อยากบอกว่า สั่งสอนเราเถอะ บริษัทไม่เกี่ยวข้อง แค่นี้ทางบริษัท ก็เสียหาย เสียชื่อเพราะเราแล้ว แต่บริษัทก็ยอม....) 

วันที่ 14 ส.ค. วันนั้นเมื่อเราถึงออฟฟิค ก็รีบแจ้งหัวหน้าและจัดการ ติดต่อแจ้งพี่เขา พร้อมโอนเงินไปให้ทันที 3880 บาท โดยทำการหักภาษี ณ ที่จ่าย 3 เปอร์เซ็นต์ เพราะบริษัทจะต้องออกเอกสารใบเสร็จให้  เมื่อโอนเงินไปเรียบร้อยแล้ว เราก็อีเมล์ไปแจ้ง รายละเอียดต่าง ๆ พร้อมกับแนบเอกสารใบโอน สักพัก พี่เจ้าของภาพก็โทรมา บอกว่า เขาคุยกับทนาย และเพื่อน ๆ แล้ว คิดตรงกันว่า จะไม่ให้ภาพต้นฉบับ เพราะราคาภาพต้นฉบับปกติขายได้ราคามากกว่านี้ พี่เขาแจ้งว่า เขาเป็นนักถ่ายภาพขายภาพได้ อีกทั้ง เป็นการสั่งสอนเราให้หลาบจำ เงินที่โอนมาถือว่าเป็น ค่าละเมิดลิขสิทธิ์ แทน ซึ่ง ถ้าเขาฟ้องร้อง เราจะต้องจ่ายมากกว่านี้ แน่ ๆ มูลค่าสูงเพียงพอจะซื้อตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวญี่ปุ่นได้เลย (ซึ่งถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น เราไม่มีเงินจ่าย คงต้องติดคุด ดำเนินคดีแน่ๆ เราก็อ้อนว้อน พร้อมจะลาออก เพื่อให้บริษัทไม่ต้องเกี่ยวข้อง แต่พี่เขาก็บอกว่า ในกรณี ยังไง ถึงน้องลาออก พี่ก็ต้องฟ้องร้องกับบริษัท และน้องอยู่ดี  ถือว่า เหตุการณ์นี้ เป็นการสั่งสอนน้อง และบริษัทแล้วกันให้รู้ว่าไม่ควรทำแบบนี้ ... (ซึ่ง ก็อธิบายพี่เขาไปแล้วว่า เป็นการกระทำของเราเอง ส่วนบุคคล ทางบริษัทไม่ได้มีส่วนด้วย... แต่พี่เขาไม่รับฟัง)  เพื่อน ๆ พี่เขา ก็อยากให้เราลาออก จบจากอาชีพนี้เลย ไม่ควรให้อยู่ในเส้นทางนี้ ซึ่งเรารู้สึกเสียใจ ท้อใจจริง ๆ เพราะยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้ว...

เราพยายามขอโทษพี่เขาไปอีกหลายต่อหลาย ๆ ครั้ง และพยายามอธิบายให้พี่เขาเข้าใจและเห็นใจว่า เราทำเพราะความงี่เง่าของเราเอง ทางบริษัทไม่เกี่ยวข้อง แต่ทางบริษัทก็ยอมร่วมรับผิดชอบด้วยการทำจดหมายขอโทษและลงประกาศอย่างเป็นทางการอีกครั้งที่ facebook...

ซึ่ง เราเอง ก็รู้สึกผิด และเรียนรู้บทเรียนราคาแพงในครั้งนี้แล้ว.... (เงินจำนวนนี้ เหมือนน้อยนิด สำหรับพี่ ๆ เขา (เขาพูดประมาณแบบนั้น) แต่พี่ ๆ รู้ไหมค่ะว่า มันเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับรักษาของคุณพ่อหนู  เฮ้อ...เศร้าอ่ะ...และวันนี้ 15 สิงหาคม เจ้านายใจดี ก็ให้เอาเงินบริษัทออกไป แต่เราคงยังมีความคิดทางวินัยอยู่ และต้องทำงานให้รอบครอบกว่านี้)

จากที่ได้พูดคุยกับพี่เจ้าของภาพ ก็ทำให้รับรู้ว่า ประสบการณ์ของพี่เขา เคยเจอะเหตุการณ์แบบนี้มาเยอะ ทำให้เขามอง เราและบริษัทในแง่ร้ายสุด ๆ ถึงแม้เราจะอธิบายหลายต่อหลายครั้งว่า เป็นความผิดพลาดของเราเอง บริษัท มิได้มีนโยบายให้ทางพนักงานทำเช่นนี้...แต่พี่และเพื่อน ๆ เขาไม่เชื่อ ซึ่งได้คอยจดจ้อง จับผิดกับภาพที่บริษัทเอามาลงใน facebook ไปเรื่อย ๆ (ไม่รู้ว่า เมื่อไรจะจบ ขอโทษ บริษัทจริง ๆ ที่เราทำให้เกิดความเสียหาย เสียชื่อขนานนี้ เราไม่รู้ว่า คนอื่น หรือบริษัทอื่น เขาจะยอม และพร้อมรับผิดอย่างเราไหม แต่เรายอม และพร้อมรับผิดทันที ที่ทราบเรื่อง ยอมทุกอย่าง อยากให้พี่เขาอภัย พยายามเข้าใจในความผิดที่เกิดขึ้น ไม่ได้เกิดจากนโยบายบริษัทจริง ๆ ค่ะ) 

ซึ่งวันที่ 15 สิงหาคมนี้ ในที่สุด พี่เขาก็ยอมเซ็นต์ใบยินยอมจบความเรื่องนี้ ดังนี้

1. บริษัทต้องชำระเงินค่าลิขสิทธิ์รูปภาพ รูปละ 2000 บาท จำนวน 2 รูป ให้กับทางเจ้าของภาพ ซึ่งได้ชำระเงินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วใน วันที่ 14 สิงหาคม 2556

2. บริษัท ต้องลงประกาศจดหมายสำหรับชี้แจ้งและขอโทษในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่หน้าเพจ Facebook ของบริษัทเป็นเวลา 20 วัน ที่ด้านบนสุดของเพจ

3. ทั้งนี้เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงเจรจากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในการยอมความเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์รูปถ่ายทั้งสองรูป จึงยินยอมลงนามเพื่อยินยอมให้เหตุการณ์นี้จบและสิ้นสุด ณ วันที่ลงนาม
หากเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสมาอ่านอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือบางท่านอาจเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่จริง ๆ แต่สำหรับเราแล้วความรู้สึกผิดที่ติดตัวไปตลอดชีวิต อีกทั้ง ความเสียหาย เสียชื่อของบริษัท  ที่เกิดจากตัวของเรา ทั้งนี้ เราก็พร้อมยอมรับผิดทุกอย่าง แต่ไม่รู้จะพูดหรืออธิบายอย่างไรให้เพื่อน และพี่เจ้าของภาพเข้าใจ... เรามิได้มีเจตนาประสงค์ร้ายแต่อย่างไร แต่ความคิดน้อย ขาดความยั้งคิดของเรา จึงทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น....

เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ก็ขอให้นำ เรื่องราวในบทความนี้ เป็นข้อคิดในการกระทำทุก ๆ อย่าง ที่เราไม่คาดคิด หรือเห็นว่าไม่สำคัญ อาจเป็นเรื่องใหญ่ และสำคัญมาก ๆ ของคนอื่น หากการกระทำของเรากระทำไปแล้วส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่โตแบบนี้ ขอให้คิดให้รอบคอบ คิดให้ถูกทาง ถูกกฎหมายก่อนกระทำนะค่ะ....

ขอโทษพี่ ๆ เจ้าของภาพอีกครั้งค่ะ
สารภาพความในใจ....

คำถาม ทำไหมเอารูปพี่เขามาลงแล้วใส่ชื่อบริษัทตัวเอง โดยไม่ให้ลิขสิทธิ์พี่เขา
ตอบ... พอดีเราคิดว่าเราเป็นเพื่อนกับเพื่อนพี่เขา เห็นรูปที่เขาเอามาลง facebook สวยดี ก็เลย copy มา ตั้งใจจะแจ้งเพื่อนกับพี่เจ้าของรูปไป แต่มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง ว่าเดี๋ยวค่อยบอกก็ได้ ไม่น่ามีปัญหา เพราะเป็นเพื่อน ๆ กัน จนเรื่องมาผ่านมาหลายวัน และเกิดปัญหาขึ้น ขณะเราไม่อยู่กรุงเทพพอดี เรื่องราวจึงใหญ่โต เพราะไม่มีคนติดต่อพี่เขากลับไปหลังจากเขาเห็นจนครบวัน เขาก็เลยคิดว่า ทางเราไม่รับผิดชอบ และให้เพื่อน ๆ เขา เข้ามา comment ต่อว่าบริษัท ทำให้ปัญหาใหญ่ขึ้นค่ะ 
(ซึ่งก็ต้องขอโทษพี่ ๆ เขาอีกครั้ง เป็นความผิดส่วนบุคคลจริง ๆ ค่ะ ทางบริษัท ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นจริง ๆ ค่ะ)

คำถาม รู้สึกอย่างไร ที่พี่ให้เรารับผิดชอบแบบนี้
ตอบ สำหรับการโอนเงินจ่ายค่าภาพ และแสดงความรับผิดชอบโดยเขียนชี้แจ้ง และคำขอโทษลงเวป คือ ว่าเราผิดจริง ก็ยอมรับสภาพตามนี้ แต่อยากให้พี่เขาช่วยอธิบายให้เพื่อน ๆ เขาฟังด้วยว่า มันเป็นความผิดของเรา (ส่วนบุคคล) บริษัทไม่ได้เกียวข้องด้วยค่ะ และจริง ๆ แล้วอยากให้พี่เขาอภัยให้ด้วย เราไม่ได้คาดคิดจริง ๆ ว่า จะเป็นปัญหาใหญ่โตขนาดนั้น เห็นว่าเป็นภาพใน facebook แล้ว ก็เอามาลง facebook บริษัทเล่น ๆ เห็นภาพมันเหมาะกับโปรแกรมทัวน์นี้ พอดี เลยเอามาลงค่ะ ซึ่ง ก็รับทราบตามที่พี่บอกแล้วว่า ถือว่า เอาภาพมาใช้หาเงิน (แต่เราไม่ทันคิดเรื่องนี้จริง ๆ  ทั้งผิดทั้งโง่เลยค่ะ ขอโทษอีกครั้งค่ะ)

คำถาม แล้วเขียนบทความนี้ ไม่ลงชื่อตัวเอง ไม่ลงชื่อบริษัท ไม่ลงชื่อเจ้าของภาพ แล้วมันจะถูกหรือ
ตอบ... บทความนี้ เป็นการระบายความในใจของตัวเอง อีกทั้งให้ถือเป็นบทเรียนให้คนที่มาอ่านด้วยค่ะ ว่าอย่าคิดอะไรสั้น ๆ หรือทำแบบนี้ เพราะเรื่องมันจะไม่จบง่าย ๆ แบบนี้ก็ได้ค่ะ และเราก็มาเขียนบทความนี้ของเราเอง เราก็เลยไม่อยากให้มีการพาดพิงถึงใครทั้งสิ้นค่ะ

คำถาม รู้สึกโกรธ หรือไม่พอใจเพื่อน และพี่เจ้าของภาพไหม
ตอบ... ตอนแรกที่รู้จากน้องที่โทรแจ้ง ก็รู้สึกตกใจก่อนค่ะ ว่าเรื่องมันใหญ่โตขนาดนี้เลยหรอ ก็เลยติดต่อหาเบอร์โทรของเพื่อนเจ้าของ facebook ที่เราเอารูปมาค่ะ พอดีเปลี่ยนโทรศัพท์ เลยไม่มีเบอร์ พอได้เบอร์ก็รีบแจ้งเขาไปว่า เราเป็นคนเอารูปมาไปลงเองค่ะ และกะว่าจะติดต่อไปขออนุญาติก่อน แต่พอดียุ่ง ๆ ก็เลยกะว่าค่อยติดต่อไป คิดไปเองคนเดียวว่า ไม่มีปัญหา เดี๋ยวค่อยขอไปอีกทีก็ได้... ซึ่งตอนโทรเขาก็อยู่กับพี่เจ้าของภาพพอดี เราก็เลยขอคุยด้วยค่ะ และพยายามอธิบายให้พี่เขาฟังค่ะ แต่พี่เจ้าของภาพเขาถือว่า เราเอาภาพเขาไปใช้ในการค้า ซึ่งก็ไม่ลงเครดิตให้เขา และไม่แจ้งเขาก่อน ซึ่งเขาก็ไม่พอใจมาก ๆ พร้อมทั้งพูดจาข่มขู่เราเล็กน้อย ถึงเรื่องฟ้องร้อง และเรื่องทนายต่าง ๆ ซึ่งตอนฟังตอนแรก เราก็รู้สึกโกรธเหมือนกันค่ะ เพราะเราคิดเอาเองว่า ก็เพื่อน ๆ กัน และไม่ใช้เรื่องใหญ่ แต่พอฟังไป ก็รู้สึกเสียใจมากกว่าค่ะ ที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ อีกทั้งก็ขอโทษเพื่อนเจ้าของ facebook ที่เราไปเอารูปมาด้วยค่ะ 

คำถาม บริษัทมีนโยบายในเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร
ตอบ... บริษัทก็ยอมรับผิดไปพร้อมกับเรา และยอมออกจดหมายขอโทษอย่างเป็นทางการ อีกทั้งจะลงประกาศขอโทษให้ที่หน้า facebook และคาดโทษทางวินัยสำหรับการกระทำของเรา และตัวเราเองก็พร้อมจ่ายค่าเสียหายเอง โดยให้บริษัทหักเงินไป และพร้อมจะลาออกเพื่อรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับประกาศแจ้งให้ทุกคนทราบว่า เป็นความผิดส่วนบุคคลทางบริษัทมิได้มีส่วนรู้เห็นด้วยค่ะ... ซึ่งทางบริษัท ก็ทักทวงใบลาออกของเราไว้ และให้เราเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ทุก ๆ อย่างด้วยตนเองค่ะ แต่เราก็ยังรู้สึกผิดอยู่ที่ทำให้บริษัทเสียชื่อค่ะ...

สำหรับเรื่องนี้ เราเอง คิดว่า มันง่าย ๆ ไม่ต้องซีเรียส เพื่อน ๆ กัน แต่ความเป็นจริง ในโลกนี้ ไม่มีอะไรง่าย ๆ ที่ไม่ต้องซีเรียส ความคิดที่ผิด ๆ ส่งผลให้เกิดความผิด ดังนั้น ต่อไปเราคงต้องอยู่ในโลกแห่งความจริง และไม่ประมาทกับชีวิตอีกแล้วค่ะ... 

อีกทั้งในโลกแห่งความเป็นจริง หากคนเรากระทำผิดเพียง 1 ครั้ง คนอื่น ๆ ก็พร้อมจะเหยียบย่ำ ซ้ำเติม และมองในแง่ร้ายไปตลอด เห็นได้จาก comment ที่ช่วยกันซ้ำเติมบริษัท และหาข้อผิดพลาดความผิดของเรา แม้กระทั่งให้เราลาออกแสดงความรับผิดชอบ เรื่องมันร้ายแรง และมันเป็นความผิดขนาดนั้นเชียวหรือ หากเราแคร์คนที่มีซ้ำเติม และอ่อนแอจนกระทั่ง ฆ่าตัวตาย เพราะความผิดครั้งนี้ พวกเขาเหล่านั้นจะมีความผิดบ้างไหม ที่กดดันกันขนาดนี้ คนเหล่านี้พร้อมจะประจานความผิดของคนอื่น และบอกต่อไปยังที่อื่น ๆ อีกมากมาย เท่าที่ พวกเขาจะพอใจ หรือสะใจ โดยมิได้รอรับฟังความจริงอีกเลย...  เพราะระหว่างที่พวกเขา comment กัน ต่อวันบริษัท ต่อว่าเรา เป็นช่วงที่เราเจรจากับเจ้าของภาพ และรอการตอบกลับ แต่พวกเราก็เร่งให้แสดงความรับผิดชอบ ทางบริษัท ก็ตอบกลับว่า อยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ แต่พวกเขาก็ยังไม่พอใจ พยายามกล่าวหาบริษัท ต่อว่าบริษัท ให้เสียหาย สะใจ พวกเขาเป็นที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่น่าเศร้าในสังคมไทย สังคมออนไลน์จริง ๆ ค่ะ...(เรื่องนี้ เรารู้สึกเสียใจมาก ๆ แต่ก็ขอบคุณสมาชิกหลาย ๆ ท่านของบริษัท ที่ผ่านมาเห็นข้อความเหล่านั้น แล้วเฝ้ารอความจริงจากคำแถลงของบริษัท โดยมิต่อความยาว สาวความยืดให้บริษัทต้องกระทบกระเทือน เสียหายมากกว่านี้ค่ะ ขอบคุณค่ะ) 

ยังไงก็ขอให้เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะค่ะให้ผ่านพ้นบทเรียนราคาแพงในการละเมิดลิขสิทธิ์ภาพถ่ายครั้งนี้ไปให้ได้ และขอจดและจำไปชีวิตเลยค่ะ 


ไม่มีความคิดเห็น: