แต่รู้ไหมค่ะว่า .... ประสบการณ์หนึ่งที่เราอยากจะแชร์ให้เพื่อน ๆ ฟัง คือ เรื่องของการเข้าวัดที่มีค่านิยม หรือจะเรียกว่าทำต่อกันมา คือ การเข้าวัดทำบุญ หยอดเงินในตู้ต่าง ๆ ของวัด เพื่อทำบุญ ทำทาน สร้างกุศล ไม่ว่าจะเป็น ตู้เพื่อไฟฟ้า ตู้เพื่อบูรณะวัด ตู้เพื่อค่าน้ำ ตู้เพื่อค่าดอกไม้ ธูปเทียน ค่าเทียนต่อชะตา ค่าเทียนลอยน้ำ ค่าใบเสียมซี่ ตู้ค่าหลวงพ่อต่าง ๆ ... ซึ่งเต็มวัดไปหมด และด้วยนิสัยที่เราได้รับการปลูกฝังมาจากพ่อแม่ คือ เข้าวัดต้องเอาเงินไปหยดตู้ทำบุญ และเราในตอนเด็ก ๆ ก็รู้สึกสนุกกับการหยอดตู้มาก ๆ เลยค่ะ....
ในเดือนธันวาคมนี้ พอดีเราได้งานเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องวัดมา ทำให้ในเดือนนี้เราต้องเข้าวัดเกือบจะ 20 วัดแล้ว... และเราก็เข้าไปไหว้พระ ทำบุญ หยอดตู้ตามปกติ ไม่ได้คิดอะไร แต่ด้วยนิสัยที่มีการจดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มาตลอดทำให้เราเห็นถึงยอดเงินที่เราทำบุญไปกับงานนี้ มากกว่าค่าจ้างในงานเสียอีก เราเองก็ตกใจ เพราะว่า เราก็หยอดทำบุญ และจ่ายแค่หลัก 20 บาท ที่แค่สังฆทานที่ หลัก 100 บาทขึ้น ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่า เป็นยอดเงินที่สูงที่เดียว
วันนี้ เราเลยทำการทดลอง เตรียมเศษเหรียญจำนวน 40 เหรียญ และตั้งใจว่าจะหยอดทุกตู้ในวัดที่ไป ตู้ละ 1 เหรียญ โดยไม่คิดอะไร ปรากฏว่า เราหยอดเงินไปจนหมด ยังเหลืออีกหลายตู้ในวัดนี้ที่เรายังไม่ได้หยอดเลยค่ะ ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่า ในวัดมีกิจกรรมมากมาย ที่ทำให้คนมาทำบุญต้องหยอดตู้ทำบุญบริจาค ถึงว่า มีโต๊ะให้แลกเงิน เป็นแบงค์ 20 และไม่มีให้แลกเหรียญด้วยค่ะ และส่วนมากขั้นต่ำของการทำบุญแต่ละกิจกรรม ก็คือ 20 บาท น้อยมากที่จะให้บริจาคตามกำลังทรัพย์ ....
ทำให้วันนี้เราได้เรียนรู้ว่า การเข้าวัดแบบไม่มีสติ ก็ทำให้คนเข้าวัดแบบเราจนได้นะ การทำบุญทำทาน ก็ต้องมีสติ ทำบุญแต่พอดี ตามกำลังทรัพย์ ที่เรามี ... แต่บ้างครั้ง ทิฐิความมีอัตตาตัวตน ก็ทำให้เราต้องทำบุญเยอะ เช่น คนจะใส่ซอง ถ้าตำแหน่งฐานะแบบนี้ควรใส่ 1000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้ว ถึงเขาจะมีตำแหน่งสูง แต่ค่าใช้จ่ายอาจสูงด้วย แต่ก็จำเป็นต้องรักษาหน้า ด้วยการใส่ให้เยอะกว่าลูกน้อง...
มันเป็นเหมือน...ค่านิยม อะไรที่ผิด ๆ ของคนไทยเรา ศาสนาพุทธดั้งเดิม ไม่มีการใช้เงินซื้อบุญ การกระทำทางกาย วาจา ใจ เป็นการทำบุญแล้ว ดั่งคำสอนของ พระอาจารย์ หลวงพ่อจรัญ ได้กล่าวไว้ว่า...
ไม่จำเป็นต้องเอาสตางค์ ไปทำบุญเลย
วันนี้ท่องสวดมนต์ไหว้พระได้ นั้นแหละ
ท่านจะตื้นตัน ท่านจะปิดติ
ท่านจะยินดี นั้นแหละเป็นบุญ
หลวงพ่อจรัญ
คำกล่าวนี้ คำสอนนี้ ฉันเองก็คุ้นตา ผ่านตามา แต่ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งจนกระทั่งได้ รู้เอง ดังคำพระสอนที่ท่านว่า ธรรมะ ต้องกระทำ ทำเอง ได้เอง รู้เอง นั้นแหละ จะเข้าใจได้ด้วยตัวของตัวเอง ....
สาธุ เราขอให้เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ท่านจะได้ข้อคิด จุดประการความคิดเล็ก ๆ จากมัน และเข้าใจมันเช่นเรา ... ธรรมะสวัสดีค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น