วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

ธุดงค์กรรมฐาน ณ ป่าธรรมสาวิกา อาศรมมาตา ปักธงชัย โคราช

ขอเริ่มต้น ด้วยกลอนจากคุณแม่เล็ก ท.ทท ๒๑ สิงหาคม ๒๕๓๑ เป็นบทกลอนบทหนึ่ง มีใจความว่า....

วันดี คือ วันที่มีลมหายใจ  (จริงมั๊ย...)

วันไหนก็ดีทั้งนั้น 
ถ้าเป็นวันขยันทำความดี
เช้าสายบ่ายเย็นเพียรทุกนาที
เวลาไหนก็มีสติที่รู้จับลม
จะยืนเดินนอนนั่งระวังจิต
ให้แนบสนิทภายในไม่ขำคม 
หายใจเข้าออกดอกที่เหมาะสม 
ดีที่ยังมีลมหายใจไม่ตาย....

 ครั้งแรกที่ได้อ่าน....รู้สึกว่า ดีจริงนะ ที่ยังมีชีวิต มีลมหายใจ ได้มาฝึกสติ ทำให้เราพบ... คำตอบที่อยู่ในใจเรามากมาย...คุณเองก็...รู้ได้......(จริง ๆ นะ)

เริ่มต้นก็ลึก ก็ซื้ง กันเสียแล้ว ก่อนจะนอกเรื่องไปมากกว่านี้ ขอกลับเข้ามาเรื่อง ธุดงค์กรรมฐานของเหล่าหญิงที่มีใจใฝ่ทางธรรมกันเสียก่อน ออกไปนอกเรื่อง...

ธุดงค์กรรมฐาน ๔ วัน ๓ คืน สำหรับผู้หญิง มีการฟังธรรมะ ฝึกการวิปัสสนากรรมฐาน การปักกลด เดินธุดงค์ รับบิณฑบาตร ในเขตป่าธรรมสาวิกา ณ อาศรมมาตา โดยมีพระอาจารย์ ครรชิต อภิญจโน เป็นวิทยากร และมีวิทยากรรับเชิญ พระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ (ตารางการปฏิบัติธรรมครั้งต่อไปดูที่นี้)

ครั้งนี้เราไม่ได้ไปร่วมปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานแบบเต็มตัว แต่ไปในฐานะของช่างภาพทีมงาน ธรรมะบริกร ที่จะประสานงาน จัดสถานที่ และทำการเก็บภาพบรรยากาศ เพื่อจัดทำ presentation แนะนำอาศรมมาตา (ใครมีความรู้ความสามารถ และอยากช่วยติดต่อมาได้ที่ tusora@hotmail.com อยากได้คนตัดต่อ VDO เป็น, คนแต่งภาพเป็น และอื่น ๆ งานนี้ช่วยด้วยใจล้วน ๆ ขอเหล่านักธรรมมาร่วมทำงานธรรมเพื่อธรรมะ ต้องการด่วนบทความเก่าของอาศรมมาตาอ่านได้ที่นี้

ก่อนจะเข้าไปถึงภาพบรรยากาศต่าง ๆ ที่เก็บมาฝาก ขอแนะนำ ป่าธรรมสาวิกา เขต 4 ของอาศรมมาตา กันเสียหน่อย ....


ป่าธรรมสาวิกา เป็นที่ปฏิบัติธรรม เขต 4 ของอาศรมมาตา มีเนื้อที่ประมาณ ๓๙ ไร่ ล้อมรอบด้วยป่าไม้เบ็ญจพันธ์ ซึ่งเป็นต้นไม้ใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ สวยงาม และเป็นเสมือนรั้วธรรมชาติของเขต ๔ มีการปลูกไม้ป่านานาพันธ์เพิ่มเติม ประมาณ ๓,๐๐๐ ต้น และยังปลูกผลไม้ต่างๆ เช่น มะม่วง,ขนุน, มะไฟ, กล้วย และอื่น ๆ มีกุฏิกรรมฐานที่มีทางเดินจงกรมภายในกุฏิ 
โดยเขตนี้ คุณแม่เล็ก ท่านมีจุดมุ่งหมายไว้ดังนี้....
เขตนี้ค่ะ ชื่อธรรมสาวิกา
สำหรับฝึกคนกล้าทวนกระแส
ไหนไหนต้องเน่าเข้าโลงแน่
มาพิสูจน์ของแท้กันสักที
ก็ตายเสียก่อนตายที่หมายมั่น
ให้เห็นกันที่นี่และเดี่ยวนี้
วัฎสงสารมีนิพพานต้องมี
เป็นสิ่งที่บรรลุได้ในใจคน
กามกินเกียรติโกรธกลัวตัวหยาบหยาบ
ต้องกำหราบให้มันม้วยด้วยฝึกฝน
สร้างตบะพละห้ากล้าอดทน
ผู้หวังผลต้องเพียรแม้เจียนตาย
สติปัฏฐานทางเดียวเคี่ยวให้ข้น
จนเกิดผลวางว่างอุปาทานหาย
หมดยึดมั่นถือมั่นทั้งใจกาย
หมดการเกิดการตายอีกต่อไป
ไม่เหลือความพอใจไม่พอใจในโลกนี้
ไม่มีความยินดีไม่ยินดีในโลกไหน
ไม่ต้องการเกิดระหว่างโลกใดใด
โลกภายในใจไร้ทุกข์สุขนิรันดร์
ท.ทท. ประพันธ์ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๔๘

ภายในเขตนี้ มีศาลาไกรวัลย์ สำหรับฟังธรรม มีครัวโดดเดี่ยว สำหรับพักดื่มน้ำปานะ มีผลาญหินสิ้นกิเลส สำหรับเดินธุดงค์ไปฟังธรรมะ


วันแรกของการเดินทางมาถึง ของเหล่าผู้เข้าธุดงส์กรรมฐาน ต้องมาลงทะเบียน โดยมีอาวินนา เป็นผู้รับลงทะเบียน (ผู้ร่วมก่อตั้งอาศรมมาตา) ฝากสิ่งของ เงินทอง นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ และอื่น ๆ ไว้ ณ จุดลงทะเบียนกันก่อน จากนั้นก็ไปพบหัวหน้ากลุ่ม และเดินทางไปยังศาลาไกวัลย์เพื่อทำพิธีน้อมจิตรับกลด บาติ และบริขารทั้งหมด


จากนั้นก็ต้องไปลงมือกางกลดตามสถานที่ที่จัดไว้ให้ หรือใครชอบใจตรงไหนก็ตามสบาย  เมื่อเรียบร้อยแล้ว เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เข้าสู่พิธีปฐมนิเทศน์จากพระอาจารย์วิทยากรทั้งสอง และคุณแม่เล็ก แล้วตัวเราเองก็แอบประทับใจ บทปลงสังขารของทางอาศรมมาตา ที่คุณแม่เล็กแต่งเองอีกแล้ว... (เสียดายมีวีดีโอเสียงคุณแม่ด้วย แต่เอาลงไม่ได้ อดฟังกันเลย เลยเขียนบทเล็ก ๆ มาให้อ่านกันก่อนแล้วกัน อยากให้ฟังเสียง จริง ได้ความรู้สึกจริง แต่ต้องไป ฟังที่อาศรมมาตานะค่ะ)






ที่พึ่งแท้จริง (บทแรก)

ก่อนกายนี้มันจะเน่า ขอให้เราจงมีที่พึ่ง จิตน้อมนำพระธรรมสุดซื้ง แล้วจึงหลับตาอำลาโลกเอย

บอกไว้ก่อน อ่านแค่นี้ ไม่ลึก ไม่ซึ้ง เท่าคุณฟังเอง สัมผัสเอง.... ประมาณว่า เสียงคุณแม่เสียบรูหูทะลุกลางใจเลยแหละ.... อยากให้ฟังจริง ๆ นะ.

จากนั้นก็ฟังธรรมะจากพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ ท่านเทศน์ธรรมะได้สนุกสนาน มีนิทาน เรื่องเล่า ที่ให้เราติดตามได้ตลอดไม่เบื่อ และสไตส์การเทศน์แบบ ปุจฉา - วิสัชนา (ถาม - ตอบ) Hello อยู่ไหม ไม่น่าเบื่อเลย สนุกมาก สำหรับคนรุ่นใหม่ ข้อคิดดี ๆ ที่ได้จากพระอาจารย์ตลอด 3 วัน ที่จำได้ และจะนำไปปฏิบัติ ก็คือ

1. เรื่องส้มตำ ..... (ไม่เล่า ให้ฟังหรอก ไว้ไปฟังท่านเอง)  แต่ว่า ได้ฟังแล้ว คุณได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน กับคนที่คุณรักแน่นอน.. อิอิ...
2. เรื่องคำมั่นว่า เราจะไม่ทะเลาะกัน หากทะเลาะกันให้กระซิบเบา ๆ ...
3. เรื่อง ความคิด พัฒนาการเป็น การกระทำ  การกระทำ พัฒนาเป็น ความเคยชิน ความเคยชิน พัฒนาเป็นนิสัย นิสัยพัฒนาเป็น สันดาน.... (หากจะแก้สันดาน ต้องแก้ที่..... คิดเอาเอง  หากจะแก้กรรม ต้องแก้ที่... คิดเอาเอง)
4. เรื่องนกฮูก ฉายานักปราชญ์ (หูตั้ง ตาโต ปากแหลม คอหมุน... มีความหมายนะ ใครตอบได้ ไปรับรางวัลเป็นเสื้อลายนกฮูก รู้นอก...ปลอดภัย รู้ใน...ไม่ทุกข์ ที่วัดพระอาจารย์เองนะ)
และอีกหลาย ๆ ข้อคิด ที่ท่านจะได้อีกมากมาย ตามแต่จิตจะน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนจ้า....

เมื่อฟังธรรมะจบ พระอาจารย์ครรชิต อภิญจโน ก็ได้ให้แนวทางในการทำวิปัสสนากรรมฐาน การตั้งฐานจิต การฝึกการรับรู้ ฝึกกายสร้างฐานจิตให้เกิดจิตผู้รู้ แนวทางสั้น ๆ ได้ใจความ ก็คือ การรู้แบบซื่อ ๆ รู้ที่ละครั้ง ที่ละครั้ง รู้แล้วจบ ไม่ต้องไปปรุงแต่งอารมณ์ ความรู้สึก ความนึกคิด พระอาจารย์ครรชิต ฝึกให้เราเคลื่นไหวมือแบบ 14 ท่า (คนที่เคยฝึก คงเข้าใจ เราอธิบายคงจะยาวไป อยากเราวีดีโอที่ถ่ายให้ดู แต่ก็ไม่สามารถอ่ะ) ข้อคิดดี ๆ ระหว่างเดินธุดงค์กรรมฐานที่ท่านได้สั่งสอนไว้ คือ

1. รับรู้แบบซื่อ ๆ ที่ละครั้ง ที่ละครั้ง ครั้งเดียวจบ ไม่ต้องรู้ตลอดการเคลื่อนไหว เอาแค่รู้เมื่อมีการกระทบเท่านั้น ครั้งแรกงงมากเลยค่ะ แต่พอได้ปฏิบัติไปก็รู้สึกเข้าใจ และเริ่มเข้าใจคำว่า รู้ที่ละครั้ง จับที่ละความรู้สึก รู้สึกแล้วจบ รู้สึกแล้วจบ ไปที่ละครั้ง ที่ละครั้ง ต่อไปจะใช้การจับความรู้สึกนี้ในชีวิตประจำวัน อยู่ที่ไหนก็ฝึกได้แล้วค่ะ
2. เรื่องเล่าจากผู้ป่วยมะเร็งปอด กายเราป่วย แต่จิตไม่ได้ป่วยไปด้วย ความรู้สึกเจ็บที่กายหากนำจิตไปจดจ่ออยู่ที่ความเจ็บความเจ็บน้ันจะมากขึ้น ก่อให้เกิดความกลัวความเจ็บและทำให้เราเจ็บมากจนขาดสติ แต่หากเราส่งจิตไปอยู่ที่อื่น ก็สามารถรับรู้ความเจ็บแบบซื่อ ๆ รู้ว่ามีเจ็บ มีหายเจ็บ มีเจ็บมาก มีเจ็บน้อย จนเข้าใจความเป็นธรรมดา ความไม่เที่ยงของมัน จะเห็นถึงการเกิดความเจ็บ การหายไปของความเจ็บ เป็นทีละครั้ง ทีละครั้ง เรื่องเล่าอันนี้ก็ประทับใจมาก ๆ ค่ะ (ไม่เล่าต่อ ไว้ให้ไปฟังพระอาจารย์กันเอาเอง..ค่ะ...)
3. การฝึกจิต ควรมีที่มั่น การฝึกดูกาย แล้วดูจิต จะทำให้จิตมีฐานที่ตั้งมั่นได้ดี การปฏิบัติสมถะสมาธิก็มีความสำคัญ ทำให้เรามีฐานที่มั่นในการฝึกจิต ได้ง่ายขึ้น 
และอีกหลาย ๆ เรื่อง ที่พระอาจารย์ท่านยกตัวอย่างในเรื่อง สติ การมีสติ การเจริญสติ เพื่อรับรู้ ให้มีสติตั้งมั่น แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติในชีวิตประจำวัน การฝึกจิต จึงเป็นสิ่งสำคัญในการทำวิปัสสนากรรมฐาน

งานนี้ จิตจดจ่อไปกับการถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอไปหน่อย เลยเล่าได้เล็ก ๆ น้อย ๆ แบบพอเป็นน้ำจิ้มให้คนอยากไปเจอะเองมากกว่า ประสบการณ์จริง ที่คุณจะได้สัมผัสเอง ครั้งแรกของการนอนกลด ครั้งแรกของการเดินธุดงค์ ครั้งแรกของการบิณฑบาตร ครั้งแรกของการกินข้าวในบาตร ครั้งแรก... อีกมากมาย ที่คุณสัมผัสได้จริง และคุณจะได้บันทึกเอาไว้เป็นไดอารี่ของคุณ ไว้ให้เล่าให้ลูกหลานต่อไปเลยจ้า........ ดังนั้น เอาเป็นว่า มาดูภาพกันดีกว่า ภาพที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้ เป็นภาพที่ถ่ายมาเอง ล้วน ๆ สด ๆ ร้อน ๆ ไม่ผ่านการปรุงแต่ง แต่นำมาจัดวาง ทุกภาพทุกมุม คุณจะเห็นได้ที่อาศรมมาตา แห่งนี้ เพียงคุณเปิดตายอมรับ เปิดใจเรียนรู้ และเปิดโอกาสให้จิตคุณเอง

ฝีมือกางกลดครั้งแรก ของคุณหรือเปล่า...

ครั้งแรกของฟังธรรมะ เดินบิณฑบาตรใช่ไหม...
ต้นไทร ต้นโพธิ คือ ต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าเลือกแล้ว และวิทยาศาสตร์พบว่า เป็นต้นไม้ที่ให้ออกซิเจนตลอด 24 ชั่วโมง.... คุณเชื่อหรือไม่....

ครั้งแรก... ของการเดินธุดงด์ของคุณหรอ....
บรรยากาศในเขตแดนธรรม... อาศรมมาตา...

ธรรมชาติ สอนอะไรให้คุณ........

ให้ดูแค่นี่ก่อนนะ ไว้อยากดู ไปดูเองที่อาศรมมาตานะจ๊ะ











พรที่ดีเลิศ (บทส่งท้าย)

ขอให้พรนี้แด่คุณ 
ถึงโลกเวียนหมุน ขออย่าให้คุณเวียนว่าย 
บรรจุถ้อยคำลึกซึ้ง ซึ่งกลั่นมาจากความตาย 
เป็นชาติสุดท้ายของคุณ
ท.ทท แม่เล็ก
โปรดติดตาม ตอนต่อไป ถ้ามีแรงเขียนต่อนะ....

ลืม ฝากหนังสือ อมตวลี Verses of Eternal Truth ของพระอาจารย์ประสงค์ ปริปุณโณ ด้วยนะค่ะ เป็นสองภาษา (ไทย อังกฤษ) 




แด่พุทธสาวิกายอดนักรบ

กี่ล้านก้าวที่เหยียบย่างอยู่อย่างนี้
กี่สิบปีที่ย่างเหยียบอยู่อย่างเก่า
สร้างสติสัมปชัญญะให้จิตเรา
จนเห็นความไม่น่าเอาไม่น่าเป็น
มีแต่เกิดแล้วดับสลับเปลี่ยน
ทุกข์เท่านั้นที่เวียนมาให้เห็น
ทั้งกายจิตทุกขสัจจ์เห็นชัดเจน
ตามกฏเกณฑ์ไตรลักษณ์ประจักษ์ใจ
ก็จะหวังยึดอะไรสิ่งไม่เที่ยง
ทั้งนามรูปเป็นเพียงเครื่องอาศัย
ระลึกรู้เพื่อละวางว่างภายใน
เห็นอะไรสักแต่ว่ามายาลวง
ทุกข์ทางกายยังอยู่รู้เฉยเฉย
ใจที่เคยฝึกไว้ดีไม่มีห่วง
วิชชาเกิดประเสริฐกว่าค่าทั้งปวง 
ทำให้ล่วงทุกข์ได้ในชาตินี้

ไม่มีความคิดเห็น: