วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เดินป่าปลายฝนต้นหนาว ดูดอกหงอนนาค ณ ภูสอยดาว

ฝนเริ่มทิ้งช่วงแล้ว อากาศเย็น ๆ เริ่มมาเยือนยอดดอย ปลายฝนแบบนี้ ช่วงเดือนตุลาคม แบบนี้ มีเพื่อนชวนไปเดินป่า ชมนก ชมไม้ ณ ลานสน ภูสอยดาว โดยโปรยคำชวนว่า "ถ้าเข่ายังดี ไปชมดอกหงอนนาค ที่ภูสอยดาวกันไหม รีบไปก่อนเข่าเสื่อมนะ" อ้าว...พูดแบบนี้ ไม่ไปไม่ได้แล้ว รีบไปก่อนแก่ดีกว่า...หลังจากพูดมา 2 อาทิตย์ และบอกแบบขู่ ๆ ด้วยว่า ให้ฟิตร่างกายหน่อยนะ แต่ด้วยการงานที่ยุ่งมาก ๆ กว่าจะเสร็จงาน ว่าจะนอน กว่าจะถึงบ้าน ก็ไม่เคยได้ไปฟิตร่างกาย เตรียมร่างกายที่ไหนเลย แต่ใจนะพร้อมยิ่งกว่า อยากไปนอนดูดาว ชมดอกไม้เล่นแล้ว....

--> เราเดินทางจากกรุงเทพด้วยรถทัวน์ไปลงที่พิษณุโลก แล้วมีเพื่อนขับรถมารับไปที่อุทยานภูสอยดาว เราตกลงเช่าบ้านที่อุทยานนอนพักกัน 1 คืน พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางขึ้นภู วันนั้นก็เดินเล่นดูนก ชมดอกไม้ ณ อุทยาน

เช้าวันรุ่งขึ้น รอจนเจ้าหน้าที่มาก็ 8 โมงกว่า กว่าจะได้ไปลงทะเบียน มีนักท่องเที่ยวมาหลายกลุ่มมาก ลงทะเบียนค่าเข้าอุทยาน 40 บาทต่อคน ค่ารถ 60 บาท ค่าประกันขยะ (ต้องเก็บกลับมา) 150 บาท และค่าลูกหาบคิดกิโลกรัมละ 20 บาท (จ่ายตรงกับลูกหาบเอง)

จุดมุ่งหมายของทริปนี้ คือ ไปดูทุ่งดอกหงอนนาค และเก็บภาพดอกหงอนนาคมาฝากเพื่อน ๆ

ก่อนอื่นขอแนะนำเกี่ยวกับ ดอกหงอนนาคกันสักนิดว่า คืออะไร


ดอกหงอนนาค หรือดอกหงอนเงือก หรือ น้ำค้างกลางเที่ยง หญ้าหงอนเงือก หงอนเงือก มีหลายชื่อมาก ตามแต่ที่จะเรียกกันของชาวบ้าน
โดยที่เรียกแบบนี้ ให้เราลองสังเกตุดูว่า บริเวณก้านดอก พบว่า มีลักษณะเป็นเกล็ด คล้ายเกล็ดพญานาค จึงให้ชื่อว่า ดอกหงอนนาค และ ที่เรียกว่า น้ำค้างกลางเที่ยง เพราะว่า ดอกจะบานเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง โดย จะมีหยดน้ำค้าง ค้างอยู่บนเวณ กลีบเลี้ยง เป็นหยด จึงได้รับสมญานามว่า น้ำค้างกล้างเที่ยง นั้นเอง

ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์ของดอกหงอนนาค หรือน้ำค้างกลางเที่ยง คือ Murdannia giganteum ( Vahl. ) Br.

ลักษณะของดอกตามหลักพฤกษา คือ มีลักษณะออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือปลายยอด ดอกสีม่วงอ่อนหรือม่วงน้ำเงิน สีขาว และสีชมพู ซึ่งค่อนข้างหายาก กลีบดอก 3 กลีบ กลีบตรงกลางด้านบนจะตั้งฉากกับกลีบด้านข้างทั้ง 2 กลีบ ยามเช้าจะหุบดอก แล้วจะบานเมื่อมีแสงแดด ส่วนกลางของดอกมักมีหยดน้ำติดอยู่


ส่วนแหล่งที่พบ ขึ้นบริเวณลานดินทรายที่มีน้ำขังหรือทุ่งหญ้าป่าสนบนภูเขาสูงๆ ที่ชุ่มชื้น จุดที่มีหงอนนาคทุ่งใหญ่ที่สุดของไทยอยู่ที่ภูสอยดาว นอกจากนี้ยังพบได้อีกหลายแห่งเช่น เขาสมอปูน ทุ่งโนนสน เขาใหญ่ และอีกหลายที่

ส่วนช่วงเวลาออกดอก  คือ ส.ค. - ต.ค.

ซึ่งในช่วงที่เราขึ้นไป ปรากฏว่า ฝนทิ้งช่วง แดดดีมาก ไม่มีหมอกให้ชื่นชมเลย แต่ความชื้นบนลานสน ณ ภูสอยดาว ยังคงมีอยู่ จึงเห็นดอกหงอนนาค หรือดอกหงอนเงือก อยู่เป็นทุ่ง แซมกับดอกกระดาษ สีเหลือง อยู่ทั่วลานสน

ความงาม อาจถ่ายทอดมิได้...เท่าที่คุณต้องไปดู และสัมผัสด้วยตัวคุณเอง...

 ทิ้งท้ายกันด้วย ขอท้าคุณผู้กล้า พิชิตลานสน ณ ภูสอยดาว ซึ่งจะต้องเดินเท้าขึ้นเขาเป็นระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 4-6 ชั่วโมง.... รีบไปก่อนนะ ก่อนเข่าจะเสื่อม จำไว้ ตัดสินใจวันนี้ ก่อนวันหน้าจะไม่ได้มีโอกาสไป..... แล้วจะเสียใจ....

-->

ไม่มีความคิดเห็น: