วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2552

น้ำตกระทึก



ถ้ามีใครถามว่า เหตุการณ์ใดที่ประทับใจเรามากที่สุด?คำตอบแรกที่คิดได้ก็คือ ตอนไปเที่ยวเขาใหญ่คนฟังก็คงฟังแล้วสงสัย มีอะไรประทับใจที่เขาใหญ่หรือ????ไม่ต้องเสียเวลานั่งคิดย้อนกลับไป
สามารถเล่าให้ฟังได้ทันทีเลยค่ะว่าเหตุการณ์มันเป็นอย่างนี้..................

พวกเราแกงค์ตะลอนเที่ยว อันประกอบด้วย เราพี่ใหญ่คนขับรถ เจ้าเนวิกคนบอกทาง เจ้าเอ้คนเก็บตังค์ เจ้านิกคนซน เจ้าไผ่จอมล่องหน และเจ้าดำคนขนของ วันนั้นเราขับรถออกจากกรุงเทพแต่เช้า กินกันไป คุยกันไป ร้องเพลงกันไป (ออ เราบอกหรือยังไว่า พวกเราชอบร้องเพลง เป็นแกงค์คาราโอโกะด้วย) ขับไปเรื่อย ๆ ตรงไปเรื่อย ๆ เจ้าเนวิกก็ตะโกนเสียงดังว่า "เลี้ยวซ้าย" เราก็หักพวกมาลัยเลี้ยวซ้ายได้ทันทีด้วยความเร็ว 120 เสียงล้อรถดังเอียดแฟ้บ!!!!!! ไม่ต้องตกใจ ปกติของพวกเราอยู่แล้ว เนวิกมันบอกแบบนี้ประจำ 555 .... ถึงทางขึ้นเขาใหญ่ เป็นทาง 2 เลน สวนกันแคบ ๆ ด้านหนึ่งเป็นหน้าผา ด้านหนึ่งเป็นภูเขา ทางชัน และมีโค้งอันตรายระดับหนึ่งขับขึ้นไปถึงอุทยาน ก็พบว่ารถน้ำมันจะหมด (กรรมจริง ๆ เรามันไม่ได้คิดดูก่อนขึ้น) ติดต่อเจ้าหน้าที่พักแรมเรียบร้อย ก็เลยบอกว่าจะขับรถลงไปเติมน้ำมันใครจะไปบาง ปรากฏมันไปกันหมดเลย บอกว่าลงไปหาอะไรกินด้วย (เวรจริง ๆ ไอ้พวกนี้ สเบียงที่ขนมา ยังไม่พออีกหรอ...) ระหว่างทางขับรถลงจากเขาใหญ่ เราก็ได้กลิ่นอะไรไหม้ ๆ "เฮ้ย ได้กินอะไรเหม็น ๆ มั้ย" "ไม่ได้กลิ่น" เจ้านิคบอก แล้วก็แหกปากร้องเพลงต่อ "พี่เบรกรถไม่ค่อยอยู่อ่ะ" เสียงเราซีเรียลพูดขึ้น ทั้งรถเงียบ............................ รถไหลลงไปตามทาง ความเร็วค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เราหักพวงมาลัยซ้าย ขวา ไปตามทาง พร้อมเหยียบเบรกที่ไม่อยู่ ทำให้มีควันและกลิ่นเหม็นไหม้มากขึ้น เราเอ่ยคำพูดออกไปแบบไม่รู้ตัวว่า ......"ถ้ารถช้าลงพอโดดออกได้ ให้โดดลงจากรถเลยนะ" เงียบไม่มีเสียงตอบรับ ไปช่วงเวลาหนึ่ง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า "ไม่อยู่ด้วยกัน ไปด้วยกัน รอดด้วยกัน" เจ้าเอ้ตะโกนขึ้นด้วยเสียงเบา ๆ แต่มันดังก้องอยู่ในใจเรา ช่วงเวลานั้น ความคิดที่จะต้องให้ทุกคนปลอดภัยและรอดให้ได้ก็เกิดขึ้น และส่งผลให้เราเห็นทางแยกออกจากถนนหลักเล็กน้อย ที่มีพื้นที่จอดรถเล็ก ๆ และมีด้านหนึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ช่วงเวลานั้นเรายกเบรกมือ เหยียบเบรกให้มิ ปรับเกียร 1 และหักรถให้ชิดกับด้านเขา จนถึงทางแยกนั้นก็หักรถเข้าไป หวังว่าจะใช้ต้นไม้เบรก ทันใดนั้นรถก็หยุดห่างจากต้นไม้เพียง 1 เซนต์ มันหยุดเอง เบรกมันทำงาน.......... หลังรถจอด ทุกคนรีบเปิดประตูรถออกมา เสียงหายใจดังออกมาอย่างโล่งอก เราไปเปิดกระโปรงรถ กลิ่นไหม้ที่เกิดขึ้นเกิดจากผ้าเบรกไหม้ เสียงเจ้านิคตะโกนบอกว่า "มีน้ำตกด้วย ตรงนี้มีน้ำตกด้วย" พวกเราวิ่งไปดู และพูดคุยกันเสียงดังเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วก็หัวเราะกัน สุดท้ายพวกเราก็ได้ตั้งชื่อน้ำตกนั้นว่า "น้ำตกระทึก" นี่คือที่มานั้นเอง และหลังจากพักผ่อนกันสักพักพวกเราก็ขับรถต่อไปเติมน้ำมัน และขับขึ้นไปเขาใหญ่ต่อ ขากลับก็ไม่มีเหตุการณ์เช่นตอนแรกแล้ว
หลังจากกลับจากทริปนี้ เราเคยถามพวกน้อง ๆ ว่า ตอนพี่ให้โดดออกจากรถ ทำไมไม่มีใครโดด ซึ้งใจวะ เป็นห่วงเป็นไยกัน............
คำตอบที่ได้จาก เจ้าพวกนั้น มีดังนี้ ........................................
เจ้าเนวิก "บ้า โดดไปก็ตายซิ ตอนนั้นมือกันเกาะรถไม่ปล่อยเลย"เจ้านิก "อ้าว...ที่บอกเรื่องจริงหรอ ที่เบรกไม่ได้" (กรรม...มันนึกว่าเรื่องสนุก)
เจ้าไผ่ "ฉันนะกลัว เรื่องอะไรจะตายคนเดียว มีเพื่อนตายดีกว่า" (กรรม....มันกลัวเหงา)
เจ้าดำ "ก็กำลังลุ้นพี่อยู่นะแหละ ไม่ได้คิดอะไร"
เจ้าเอ้ "ใครจะบ้าโดด รถมันเร็วจะตาย ก็เลยบอกไปอย่างนั้น จะได้อยู่ด้วยกัน" (กรรม....คำตอบมันทำเอาเราพูดไม่ถูก....)
เนี่ยแหละ น้ำตกระทึกที่ประทับใจ Visit Cute-Spot.com!

ไม่มีความคิดเห็น: