วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เรื่องดี ๆ ที่ให้ข้อคิดดี ๆ ตอน เลือกรักให้ถูก


เรื่องดี ๆ ที่ให้ข้อคิดดี ๆ วันนี้ตอน "เลือกรักให้ถูก..."

มีพ่อค้าผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง มีภรรยา 4 คน

ภรรยาคนที่ 1 เป็นภรรยาที่มีความภักดี (loyal) ซื่อสัตย์ ครองรักกับเขาแบบร่วมหัวจมท้ายมาโดยตลอด คอยดูแลกิจการน้อยใหญ่ หนักเอาเบาสู้ เป็นคนที่รักสามีอย่างสุดซึ้ง ยากที่จะหาใครมาเทียบได้ แต่พ่อค้าคนนี้กลับมองข้ามความรักที่เธอมีให้ต่อเขามาโดยตลอด

ภรรยาคนที่ 2 เป็นคนที่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา (Considerate) อดทนเสมอต้นเสมอปลาย เป็น "เพื่อนที่รู้ใจ" ของพ่อค้าคนนี้มากที่สุดเลยทีเดียว ไม่ว่าจะประสบปัญหาเรื่องใด ๆ เขาก็จะกลับมาหาภรรยาคนที่สองเสมอ เพราะเธอนี้แหละที่สามารถช่วยให้เขาออกมาจากวังวนของความทุกข์ได้

ภรรยาคนที่ 3 เป็นคนที่พ่อค้าภูมิใจ (Proud) ในความงามของเธอ จึง "รักมาก" เวลาออกงานหรือต้องพบปะผู้คน เขาก็จะพาภรรยาคนนี้ไปด้วยทุกครั้ง แต่กลับไม่เคยไว้วางใจเธอเลย เพราะกลัวว่าเธอจะหนีตามชายอื่นไป เนื่องจากความงามอันเป็นที่หมายปองของเธอ

ภรรยาคนที่ 4 เป็นคนที่พ่อค้าคนนี้ "รักมากที่สุด" ของมีค่าใด ๆ ก็จะต้องหามาบำรุงบำเรอเธอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแพง ๆ สวย ๆ เรียกว่าเขาดูแลเธออย่าง "ริ้นไม่ได้ไต่ ไรไม่ให้ตอม" เลยทีเดียว อะไรที่ดีที่สุด ก็จะมอบให้เธอคนนี้คนเดียว

แต่ทว่า วันหนึ่ง พ่อค้าได้เจ็บป่วย และใกล้จะจากไป จึงได้เรียก ภรรยาทั้งสี่คนเข้ามา และถามเธอแต่ละคนว่า..."ที่รักฉนกำลังจะจากเธอไป ฉันรักเธอมาก เธอคิดว่าเธอจะตายไปอยู่กับฉันไหม"

ภรรยาคนที่ 4 ตอบว่า "ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางไปอยู่กับคุณหรอก" คำตอบของเธอเหมือนสายฟ้าฟาดลงไปในหัวใจเขา

ภรรยาคนที่ 3 ตอบว่า "ไม่ฉันไม่ไป ตอนนี้ฉันสุขสบายดีอยู่แล้ว ถ้าคุณตายไป ฉันคงจะแต่งงานใหม่" คำตอบของเธอทำให้พ่อค้ารู้สึกน้อยใจ

ภรรยาคนที่ 2 ตอบว่า "ฉันรักคุณ แต่ฉันคงทำได้แค่ส่งคุณที่หลุมฝังศพเท่านั้น" พ่อค้าก็ได้แต่นอนมองอย่างเศร้า ๆ 

แล้วเขาก็หันไปถามภรรยาคนสุดท้าย คือ ...ภรรยาคนที่ 1 ด้วยคำถามเดิม

ภรรยาคนที่ 1 ตอบว่า "ฉันจะตามคุณไป ไม่ว่าคุณจะไปไหน ฉันจะอยู่กับคุณตลอดไป"

พ่อค้าจึงหันไปมองภรรยาคนที่ 1 เขารู้สึกเสียใจที่ไม่เคยเหลียวแลเธอเลย ร่างกายของเธอจึงซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เขาากล่าวลาครั้งสุดท้ายว่า "ที่รัก ฉันผิดไปแล้วที่ไม่เคยเห็ฯคุณค่าและดูแลเธอเลย" และเขาก็ขาดใจตายไปในทันที

คุณรู้ไหมค่ะว่า ภรรยาทั้ง 4 คนนี้ ผู้ประพันธ์เปรียบเทียบไว้กับอะไรบ้าง

ภรรยาคนที่ 4 ที่เรารักมากที่สุด ก็คือ "ร่างกาย" (body) ที่เราพยายามบำรุงบำเรอให้ดีที่สุด สุดท้ายก็ต้องตายจากเราไป

ภรรยาคนที่ 3 ที่เรารักรองลงมา ก็คือ "ทรัพย์สมบัติ สถานภาพทางสังคม และความร่ำรวย" (Possessions status and wealth) เมื่อเราตายไปก็ต้องตกไปเป็นของคนอื่น

ภรรยาคนที่ 2 ที่เป็นเพื่อนรู้ใจก็คือ "ครอบครัว เพื่อน" (Family and friends) ผู้ที่อยู่เคียงข้างเราตอนที่เรามีชีวิตเท่านั้น

ภรรยาคนที่ 1 นั้น คือ "จิตวิญญาณ" (Soul) จิตวิญญาณแห่งความดีงามที่เรามองข้าม แต่กลับหลงไหลไปในการแสวงหาลาภสักการะ และความพึงพอใจในโลกียะเท่านั้น...

เป็นไงค่ะ ผู้ประพันธ์เขาแต่งไว้ดีที่เดียว อย่าหลงลืม ให้ความรักกับภรรยาคนแรกของคุณนะค่ะ...ขอให้ทุกท่านมีความสุขมาก ๆ ค่ะ


-->

วันพุธที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เรื่องดี ๆ ที่ให้ข้อคิดดี ๆ :เหยือกเต็มหรือยัง


เช้าวันหนึ่ง ตื่นมาเปิดเมล์ และได้รับข้อความจากคุณลุง ส่งเรื่องดี ๆ ที่ให้ข้อคิดดี ๆ มาให้อ่าน เมื่อเราอ่านแล้ว รู้สึกว่า เป็นเรื่องที่ดีมากเลย เลยขอคัดลอกบทความนี้มาฝากเพื่อน ๆ และขอให้เพื่อน ๆ ส่งต่อไปเพื่อส่งความคิดดี ๆ กระจายต่อไปเป็นสิ่งดี ๆ ความรู้สึกดี ๆ ให้มีแต่ความดีเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่อย่างต่อเนื่องนะค่ะ....

เหยือกเต็มหรือยัง ?

          ชายหนุ่มผู้เป็นอาจารย์สอนวิชาปรัชญา ณ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขาเดินเข้าห้องเรียนมา พร้อมด้วยของสองสามอย่างบรรจุอยู่ในกระเป๋าคู่ใจ เมื่อได้เวลาเรียน เขาหยิบ เหยือกแก้ว ขนาดใหญ่ขึ้นมา แล้วใส่ ลูกเทนนิส ลงไปจนเต็ม

       ' พวกคุณคิดว่าเหยือกเต็มหรือ ยัง ?' เขาหันไปถามนักศึกษาปริญญาโท
แต่ละคนมีสีหน้าตาครุ่น คิดว่าอาจารย์หนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนก่อนจะตอบพร้อมกัน
' เต็มแล้ว... '

         เขายิ้มไม่พูดอะไรต่อหัน ไปเปิดกระเป๋าเอกสารคู่ใจ หยิบกระป๋องใส่กรวดออกมา แล้วเท กรวดเม็ดเล็กๆ จำนวนมากลงไปในเหยือกพร้อมกับ เขย่าเหยือกเบาๆ
กรวดเลื่อนไหลลงไปอยู่ ระหว่างลูกเทนนิสอัดจนแน่นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก “ เหยือกเต็มหรือยัง ?'

นักศึกษามองดูอยู่พัก หนึ่งก่อนจะหันมาตอบ ' เต็มแล้ว... '

         เขายังยิ้มเช่นเดิม หันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาถุงทรายใบย่อมขึ้นมา และเททรายจำนวนไม่น้อยใส่ลงไปในเหยือก เม็ดทราย ไหลลงไป ตามช่องว่างระหว่างกรวด กับลูกเทนนิสได้อย่างง่ายดาย เขาเทจนทรายหมดถุง เขย่าเหยือกจนเม็ดทรายอัดแน่นจนแทบล้นเหยือก เขาหันไปถามนักศึกษาอีก ครั้ง “ เหยือกเต็มหรือยัง ?'

         เพื่อป้องกันการหน้าแตก นักศึกษาปริญญาโทเหล่านั้นหันมามองหน้ากัน ปรึกษากันอยู่นาน
         หลายคนเดินก้าวเข้ามาก้มๆ เงยๆ มองเหยือกตรงหน้าอาจารย์หนุ่มอยู่หลายครั้ง มีการปรึกษาหารือกันเสียงดังไปทั้งห้องเรียน จวบจน เวลาผ่านไปเกือบห้านาที หัวหน้ากลุ่มนักศึกษาจึงเป็นตัวแทน เดินเข้ามาตอบอย่างหนักแน่น

       “ คราวนี้เต็มแน่นอนครับ อาจารย์ ' “ แน่ใจนะ ' “ แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีกครับ '

คราวนี้เขาหยิบ น้ำอัดลม สองกระป๋องออกมาจากใต้โต๊ะ แล้วเทใส่เหยือกโดยไม่รีรอ ไม่นานน้ำอัดลมก็ซึมผ่านทราย ลงไปจนหมด ทั้ง ชั้นเรียนหัวเราะฮือฮา กันยกใหญ่ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

“ ไหนพวก คุณบอกว่าเหยือกเต็มแน่ๆ ไง ' เขาพูดพลางยกเหยือกขึ้น

“ ผมอยากให้พวกคุณจำบทเรียน วันนี้ไว้ เหยือกใบนี้ก็เหมือนชีวิตคน เรา

ลูกเทนนิสเปรียบเหมือน เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต เช่น ครอบครัว คู่ชีวิต การเรียน สุขภาพ ลูก พ่อแม่และเพื่อน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่คุณต้องสนใจจริงจัง สูญเสียไปไม่ได้
เม็ดกรวดเหมือนสิ่งสำคัญ รองลงมา เช่น งาน บ้าน รถยนต์

ทรายก็คือเรื่องอื่นๆ ที่เหลือเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราจำเป็นต้องทำ แต่เรามักจะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้

         เหยือกนี้เปรียบกับชีวิต ของคุณ ถ้าคุณใส่ทรายลงไปก่อน คุณจะมัวหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเล็กๆน้อยๆ อยู่ตลอดเวลา ชีวิตเต็มแล้ว... เต็มจนไม่มีที่เหลือให้ใส่กรวด ไม่มีที่เหลือใส่ให้ลูกเทนนิสแน่นอน '

         ชีวิตของคนเราทุกคน ถ้าเราใช้เวลาและปล่อยให้เวลาหมดไปกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เราจะไม่มีที่ว่างในชีวิตไว้สำหรับเรื่องสำคัญกว่า

         เพราะฉะนั้นในแต่ละวัน ของชีวิต เราต้องให้ความสนใจกับเรื่องที่ทำให้ตัวเราและครอบครัวมีความสุข ใช้ชีวิตเล่นกับลูกๆ หาเวลาไปตรวจร่างกาย พาคู่ชีวิตกับลูกไปพักผ่อนในวันหยุด พากันออกกำลังกาย เล่นกีฬาร่วมกันสักชั่วโมงสองชั่วโมง เพื่อสุขภาพและความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต พาพ่อแม่ไปเที่ยวพักผ่อนหรือทานข้าว โทรศัพท์หาเพื่อนบ้างให้รู้ว่าเรายังคิดถึงและเป็นห่วง เราต้องดูแลเรื่องที่สำคัญที่สุดจริงๆ ดูแลลูกเทนนิสของเราก่อนเรื่องอื่นทั้งหมด หลังจากนั้นถ้ามีเวลาเหลือเราจึงเอามาสนใจ กับสิ่งแวดล้อมที่อยู่ รอบๆ ตัวเรา นักศึกษาคนหนึ่งยกมือ ขึ้นถาม “ แล้วน้ำที่อาจารย์เทใส่ลงไป ล่ะครับ หมายถึงอะไร ?'

         เขายิ้มพร้อมกับบอกว่า “ การที่ใส่น้ำลงไปเพราะอยาก ให้เห็นว่า ไม่ว่าชีวิตของเราจะวุ่นวาย สับสนเพียงใดในความสับสนและวุ่นวาย เหล่านั้นคุณยังมีที่ว่าง สำหรับการแบ่งปันน้ำใจให้กันเสมอ...

ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ กับข้อคิดดี ๆ ที่ผู้แต่งเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาให้ค่ะ
ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ช่วยกันอ่าน และแบ่งปัน เรื่องราวดี ๆ กับข้อคิดดี ๆ เหล่านั้นต่อไป
ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ

วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ร้อนนี้ ร้อนนัก อาณาจักรหัวขวานล่มสลาย...

หน้าร้อนปีนี้ (2556) เป็นปีที่อากาศร้อนมากที่สุดในรอบทศวรรษ อากาศที่แปรปรวน และอุณหภูมิที่สูงขึ้น อย่างผิดปกติ ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตหลาย ๆ ชนิด ไม่พ้นแม้แต่มนุษย์ และสัตว์ ....

ห้วยขาแข้ง...เป็นผืนป่ามรดกโลก ที่นักอนุรักษ์พยายามปกปักษ์รักษาไว้สำหรับมนุษย์และสัตว์นานาพันธู์ แต่ด้วยความเห็นแก่ตัว และเห็นแก่ได้ของมนุษย์เรา (บางคน) ในการตัดไม้ทำลายป่า สร้างมลภาวะ มลพิษให้กับโลก ทำให้เราต้องสูญเสียต้นไม้ และสัตว์ป่าไปจนเสียสมดุลแห่งธรรมชาติ....

อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นผิดปกติ และยาวนานขึ้น ก็เป็นอีกผลหนึ่งที่แสดงถึงการขาดสมดุลของโลกเรา...

ในฐานะของ นักดูนก คนหนึ่ง ที่เห็นถึงความผิดปกตินี้ การลดจำนวนลงของ นกหัวขวาน ที่ อาณาจักรนกหัวขวาน แห่ง อุทยานห้วยขาแข้ง... ในปีนี้ ทำให้รู้สึก สะท้อนใจ และสลดใจมาก อยากให้เรา คนไทย ได้ตระหนักถึง ความสำคัญของสิ่งแวดล้อม การห่วงแหน ป่าไม้ ลำธาร ต้นน้ำ สัตว์ป่า และวัฒนธรรมของชาติ...

แหะ ๆ เขียน ๆ ไป ก็เหมือนบ่นนะค่ะ... แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมค่ะว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ของคนบางคน หรือคนนั้นก็อาจเป็นเราแบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความมักง่ายในการทิ้งขยะ การใข้กระดาษแบบไม่ประหยัด การสนับสนุนการเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ ต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทั้งสิ้นค่ะ ... น้ำท่วม ไฟไหม้ ฝนตก ลูกเห็บตก แผ่นดินไหว... ล้วนแล้วแต่ ฝีมือพวกเรา ที่ไปทำลายระบบนิเวศน์ค่ะ....

อาณาจักร์นกหัวขวาน ... ณ ห้วยข้าแข้ง... เป็นแหล่งดูนก ที่พวกเราชาวนักดูนก หรือถ่ายภาพนก รู้จักกันมานาน เมื่อได้ไปเยือนเมื่อไร ต้องมีภาพ นกหัวขวาน นานาชนิด ให้ได้ชม ได้ถ่ายภาพกับมาอย่างแน่นอน แต่มีปีนี้ 2556 ปริมาณ หรือจำนวน นกหัวขวาน ที่อาณาจักร นกหัวขวาน แถม ไม่พบ หรือ พบได้น้อยมาก ทั้งจำนวนชนิด และปริมาณที่พบ เป็นเรื่องที่น่าเศร้า... และอยากบอกต่อ เพื่อให้ ช่วยกัน ตระหนักถึง ผลกระทบต่าง ๆ ที่เรากระทำต่อโลก...นี้ค่ะ...

อำลา... และอาลัย ต่อ อาณาจักรหัวขวาน...ที่ล่มสลายไป และหวังว่า เราจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟู ผืนป่า และอาณาจักรนกหัวขวานแห่ง ห้วยขาแข้ง แห่งนี้ค่ะ...

นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง Orange-backed Woodpecker

ก่อนลากันไปหลังจากเรื่องหนักใจ... ก็มีชมนกหัวขวาน ที่ยังพอมีเหลือกันบ้างนะค่ะ

นกหัวขวานเขียวสะโพกแตง Black-headed Woodpecker
นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง ตัวเมีย
มีให้ชื่นชม เพียงสองสามภาพ เล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะ อาณาจักรหัวขวานล่มสลาย..แล้ว เหลือเพียงไม่กี่ชนิดค่ะ...