วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พิชิตยอดดอยหกพูเขานัน 1410 เมตร

ได้รับภาระกิจ "พิชิตยอดดอยหกพู อุทยานแห่งชาติเขานัน ความสูง 1,410 เมตร (เรียกว่า เขานันใหญ่ อันนี้พี่เอก ภูพนา แจ้งมาแล้ว) ใน 3 วัน 2 คืน" ในต้นปีที่ผ่านมา ตอบรับกลับไปแบบไม่คิดมาก เมล์กัปตันทีม ส่งมาเตือนให้เตรียมพร้อมร่างกาย เรายังไม่ประวิง... จนกระทั่ง 2 อาทิตย์ก่อนเดินทาง เริ่มรู้สึกตัวว่า สว. แล้วนะเรา (แปลว่า สูงวัย หรือ แก่นั่นเอง...แหะ ๆ ไม่ค่อยอยากใช้ มันแสลงใจ....ทำร้ายความรู้สึก...เกินจะทน...)

     เริ่มกระตื้อรื้อร้นไปออกกำลังกาย ว่ายน้ำ ฟิตเนส ทุกวัน (จะทันไหมเนี่ย) แต่ปรากฏว่าก่อนเช้าวันเดินทาง 2 วัน ดันไปกินอาหารหรูเกินร่างกายจะรับไหว ท้องเสียทั้งคืน ไม่ได้หลับได้นอน วันรุ่งขึ้น ไข้ขึ้น หมดแรง ทานอาหารไม่ได้ ต้องรับน้ำเกลือเข้าไป 4 ขวด สู้ ๆ.... พรุ่งนี้ เดินทาง... จะตายไหมเรา.... (เริ่มต้นดี...มีชัยไปกว่าครึ่ง แหะ แหะ...) ใช้วิธีนอน กินเกลือแร่ นอนพัก พัก ๆ พรุ่งนี้เดินทาง สู้ตาย...

    ตี 4 เช้าวันเสาร์ นาฬิกาปลุก ลุกขึ้นด้วยความกระปลกประเปลี้ย  ..... ไปอาบน้ำ .... โทรปลุก เพื่อนร่วมทีมทั้ง 3 (1 กัปตัน 2 สาวสวย กับ 1 สว. (เราเองแหละ) ตอนแรกจะเขียน 3 สาวสวย มันละอายใจ.... เอาเป็นว่า เพื่อน ๆ ดูกันเองแล้วกัน แล้วตัดสินใจมาให้หน่อยนะ)

    นั่งแท๊กซี่ไปสนามบินสุวรรณภูมิ คนเยอะมาก ต่อคิว check in กันแทบไม่ทัน (คนไปเชียงใหม่ ได้ยินว่าตกเครื่องด้วย เพราะเช็กอินไม่ทัน กรรม....) วิ่ง ๆ ๆ อ้าว...อีกสาว ดันโดนยึด...มีดสวิสด้วย...เสียเวลาไปนิดหนึ่ง.... แต่ก็ทันเวลา แถมได้นั่งแถวหน้าสุดเลย เห็นหมดเวลาสจ๊วต หรือแอร์ทำอะไร ประกาศอะไร เห็นชัดไปหมด.... เมื่อขึ้นเครื่องได้ ต่างก็หลับเอาแรงทันที...


     เวลาแปดนาฬิกา ถึง สนามบิน นครศรีธรรมราช กว้างดี วิวสวย มีร้านขายอาหารอยู่ร้านเดียว ขายข้าวแกง กาแฟ ขนมจีบ ซาลาเปา (พนักงานดุหน่อย อย่าสั่งเรื่องมาก...จะโดน... เพราะโดนมาแล้ว เลยบอกต่อ... ) กินขนมจีบ ซาลาเปา กาแฟ รองเท้ากันนิด ระหว่างรอทีมนำเดินป่าของพี่เอก ภูพนา มารับ และไปหาอาหารพื้นบ้านทาน หลังจากทานอาหารแล้ว รถก็พาไปยังจุด start ทันที ไม่รอช้า วิ่งเลี้ยวเขามาตามทางไปน้ำตกกรุงชิง แล้วแยกเขาทางซ้ายไปยังทางเขื่อน เพื่อเดินขึ้นทางเขาเต่า...

     วันแรก อากาศดี แดดไม่ร้อน ลมพัดเย็นสบาย วิวข้างทางก็งดงาม สดชื่น แต่หนทางซิ ช่างสูงชัน เริ่มต้นในช่วง ชั่วโมงแรกนี้ เป็นการเดินขึ้นจากสันเขื่อน จะชันมาก... และแล้วก็ชันจริง ๆ

     "พักหน่อยนะ....พี่เหนื่อย โอ๊ย...พักก่อน เหนื่อย... จุกอ่ะ.... ก้าวขาไม่ออก..." เสียงบ่นของ สว. บ่นเบา ๆ เสียงแผ่ว ๆ ไปตลอดทาง กัปตันก็ดี สองสาวก็ดี เห็นใจ รอคอย ไปช้า ๆ ไม่เร่งรีบ ให้กำลังใจไปตลอดทาง.... แต่ในใจของ สว. คนนี้ คิดไปตลอดทาง "ไม่ไปได้ไหมเนี่ย มาไหมว่ะเนี่ย นอนอยู่บ้าน ดีกว่าไหมเนี่ย... พุทธโธ พุทธโธ..." ณ เวลานั้น ใช้ธรรมะช่วยส่องใจ ส่งแรง คิดแล้วยังเหนื่อยอยู่เลยนะเนี่ย.....


กัปตันมองมา ด้วยความสงสาร....(จริงไหม...) 
ส่วนสองสาวมองมา ด้วยความเห็นใจ... (แล้วแอบคิดในใจหรือเปล่าว่า .... ฉันต้องไม่แก่แบบนี่....)
 โธ่ ๆ .... เขาคิดกันหรือเปล่าเราไม่รู้ ใจเรานะคิดไปเอง....ว้าว... เดินป่า ได้ธรรมะงั้นฉัน....(หรือเราจะแก่แล้วจริง ๆ)

       โชคดีที่ ระหว่างทางเดิน เดินไปพักไป ทุกคนรอกัน ระหว่างทางที่พัก ก็มีน้ำ ลำธาร ให้แวะ ดื่มกิน น้ำจากธารธรรมชาติ รสหวาน อร่อย ไม่มีกลิ่น เหมือนได้ดื่มน้ำแร่เลย สดชื่นมีแรงขึ้นเยอะ แต่วันแรกของ สว. ซิ เดินแทบไม่ไหว เลยกินข้าวมื้อเที่ยงไม่ลง เหลือเยอะเลย แต่อร่อยนะ เห็นทุกคนกินกันจนหมด เหนื่อยกาย แต่ใจไม่เหนื่อย พอจะถ่ายรูป แรงมาทันที ลืมเหนื่อยเลย

 "ริมธาร น้ำใส ไหลลื่น
พักฟื้น คืนแรง ใจกาย
อิ่มท้อง สดชื่น พร้อมไป
ยอดดอย ไม่ไกล ต้องเดิน...."

หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ พร้อมรองน้ำไปดื่มกันระหว่างทางด้วย.....


แหล่งน้ำจากธรรมชาติ ของนักเดินป่า .....

ธารน้ำไหล คือ แหล่งน้ำใจของชาวป่า น้ำกิน น้ำใช้ จากธารน้ำไหล สู่น้ำใจของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยป่าในการเดินทาง ในการพักพิง ในการอยู่อาศัย....

น้ำแร่ธรรมชาติ น้ำที่ไหลผ่านรากต้นไม้ กระทบก้อนหิน ผ่านการกรองของชั้นหิน จะก่อให้เกิดการสะสมของพลังงาน แร่ธาตุ และการไหลเวียนของโมเลกุลน้ำ ส่งผลให้น้ำนั้นมีคุณค่าต่อร่างกาย สามารถดูดซึมไปใช้ได้ และทำให้มีแรง สดชื่น อย่างรวดเร็ว




ระหว่างทางเดิน อากาศยังไม่ร้อนนัก ความชื้นเล็กน้อย พบทากประปราย โดยกัปตันเป็นที่รักใคร่ และชื่นชอบของทากมาก ๆ เกาะกันเต็มไปหมด หยุดเมื่อไหร่ จะเห็นกิจกรรมการแกะทากออกจากรองเท้า กันทันที..... ส่วนเรตติ้งรองมา ก็ต้องเป็น สาวนักเดินป่าสดใหม่ อุปกรณ์การเดิน ครบครัน ซึ่งทากก็ชอบเหมือนกัน เกาะที่หลายตัว เรียงกันเป็น สวนสัตว์เลย..... ผ่านธารน้ำแรก ขึ้นสูงทางชัน เลาะริมเขา ขึ้นไปเรื่อย ๆ แวะพักริมธารที่สอง ที่สามที่เป็นสระขนาดใหญ่ สามารถว่ายน้ำ และพักผ่อนได้ แต่พวกเราไม่มีเวลา ต้องเดินทางต่อไป เพื่อ ภาระกิจอันยิ่งใหญ่นี้.... (แต่ สว. ขอพักจ้า.... เหนื่อย เดินไปก่อนแล้วกัน ฉันจะพัก... เริ่มเอาแต่ใจ (อันนี้เป็นเสียงในใจ พูดออกไปหรือเปล่าหว่า.....)


ระหว่างนั่งพัก ก็ขอเบรกมาเล่าเรื่องระหว่างทางนิด... บรรยากาศเย็นสบาย มีสายลมพัด แดดไม่ร้อน ต้นไม้สีเขียวชะอุ่ม มีพันธ์ไม้ นานา ขึ้นให้เรา ต้องคอย เก็บภาพกลับไปตลอดทั้งทาง แต่บางทางก็เป็นป่ารก หญ้าขึ้นสูงท่วมหัว ชัน เดิน แล้วก็เดิน เห็นแต่เท้าคนข้างหน้า กับแผ่นดิน ที่เหยียบ (แล้วก็ทากด้วย)

เตรียมกล้องไป (ยกเว้นขาตั้งกล้อง... แบกไปแล้ว ไม่ค่อยได้ใช้ แต่สำหรับ สว. เป็นไม้เท้า ค้ำยัน ได้ดีที่เดียว.... มีประโยชน์นะเนี่ย)

ส่วนเรื่องความรู้ของพันธุ์ไม้ ต้องขอให้ ผู้อ่านที่มีความเชี่ยวชาญกว่า สว. คนนี้ มาเขียนแนะนำไว้หน่อยนะค่ะ เพราะจนใจจริง ๆ ....


หลังจากพักเบรก ไปเรื่องอื่น เราก็มาเดินทางกันต่อจะถึงแล้วจุดกางเต้นท์ ที่เขาเต่า.... ถึงจนได้ค่ะ เห็นไหม.... ถึงแล้ว อ้าวแต่ว่า.... มีทีมกางเต้นท์ก่อนทีมเราแล้ว สรุปว่า เราต้องหาที่กางเต้นท์ใหม่ ก็คือ ต้องขึ้นไปกางที่ยอดเขาเต่า ..... เดินอีกแล้ว.... (เรามอง ด้วยความ งอน ๆ.... ทีมนั้น แล้วสะบัดหน้าทันที)

"ไปก็ได้ ใช่ซิ เรามันจน.... เดินช้าไป เราไปก็ได้" พูดเสียงงอน ๆ หัวหน้าทีมอีกทีม รีบเขามาปลอบ ไม่นะ ไม่นะ พอดีทางทีมไม่พร้อมจะขึนไปกางที่ยอดดอย หรือจะพักด้วยกันก็ได้จ้า....

ไม่ได้ซิ เราไม่ชอบคนพลุกพล่าน อุตสาหหนีจาก กทม อันศิวิไลซ์มาป่า จะให้มาอยู่ในชุมชนแออัดได้ไง เชิดหน้า แล้วพูดตอบกลับไปว่า " ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกางเต้นท์บนยอดก็ได้ สบาย ยังมีแรงเดินอีกเยอะ..." (พูดไปแล้ว อยากร้องไห้ อีกไกลไหมเนี่ย... หันมาถามน้องที่นำทาง... ได้คำตอบว่าไม่ไกล แต่ชัน กรรมแล้วตู.....) ซึ่งน้องที่นำทาง ยังให้ข้อมูลประกอบอีกว่า ....ด้านบนไม่มีน้ำ ดังนั้นเราต้องกรอกน้ำจากจุดนี้ไปด้วย สรุปคืนนี้ งดอาบน้ำ....

แล้วก็เดินกันต่อไป... นั่นไง ยอดเขา จะถึงแล้วจ้า.... คุ้มค่าจริง ๆ ที่ขึ้นมา พระอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า แสงอาทิตย์นวลตา สวยจริง ๆ อากาศลมพัดกำลังเย็นสบาย หายเหน็ดเหนื่อย จากความอ่อนล้า รีบกดชัตเตอร์ เก็บภาพกันเป็นระวิง....

ภาพไม่สวย เท่าของจริง เพราะเหนื่อย เกิน ภาพสั่นไป หลายภาพ ต้องขออภัย ที่คำบรรยาย อาจเกินภาพจะถ่ายทอดถึง....... (ไปดูเองแล้วกัน...)

คืนแรก บนยอดดอยหลังเต่า อากาศเย็นสบาย แต่ลมพัดแรงมาก ๆ พอตกดึก ลมก็ยิ่งแรง หนาวกันเล็กน้อย แต่ได้ เต้นท์ปกป้องเรา พร้อมด้วยถุงนอน และเสื้อแขนยาว คืนแรกจึงนอนอุ่นกัน แต่เต้นท์ดันเล็กไปนิด ทำให้ยืดขาไม่ได้ นอนเมื่อยขาทั้งคืน บางคนก็นอนไม่หลับ เพราะเสียงลมแรงมาก พัดแรงขนาดที่เวลาไม่มีคนอยู่ในเต้นท์ ถึงจะมีของสัมภาระอยู่ ก็สามารถพัดเต้นท์ปลิวพลิกไปได้... แรงมาก ๆ ค่ะ ซึ่งมาป่า แนะนำให้นอนเปลดีกว่า แถมเบากว่าการแบกเต้นท์มาด้วยค่ะ.... ปลอดภัยกว่าด้วยประการทั้งปวง...

ตื่นเช้ามา ด้วยความสดชื่น หวังจะถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้น แต่วันนี้ เมฆมาก หมอกเยอะ ปกคลุมแสงอาทิตย์ ลมหอบเอาฝนมาฝาก ในวันนี้..... ซึ่งเป็นวันที่จะต้องเดินขึ้นยอดหกพู จุดสูงสุด 1438 เมตร บรรยากาศฟ้าปิด ฝนลงเม็ดเล็กน้อย....

 ลงจากยอดดอยเต่า มาแวะล้างหน้าล้างตา เช็ดตัวกันที่ จุดพักแรมแรก แล้วแยกขึ้นสูงยอดดอย ฝนก็ตั้งเค้ามา .... ทีมตกลงกันว่า จะเดินทางขึ้นยอดดอยเพื่อพิชิตแล้ว จึงเดินลงไปเพื่อตั้งแคมป์ด้านล่าง เพื่อจะได้มีเวลาเที่ยวในวันสุดท้าย....

จึงสรุปไม่ไปตั้งแคมป์ที่ยอดดอย แต่จะขึ้นไปพิชิต ถ่ายภาพ และเก็บทะเลหมอกกลับมา.....

จึงเอาของกองไว้ ณ สามแยก ที่จะขึ้นยอดดอยสูงสุด.....

ทางขึ้น สูงชัน ข้ามยอดดอยเล็ก ๆ เลาะริมเขา เหนื่อยแสน เหนื่อย แต่ต้องเดิน

วันนี้มีแรงมากกว่า เมื่อวาน สว. ก็ยังเดินไปบ่นไปเล็กน้อย (มีแรงบ่น แสดงว่ายังไม่เหนื่อยจริง ไม่งั้นต้องบ่นไม่ออกแน่ ๆ )

"พี่ไม่ไปนะ จะรอเฝ้าของอยู่ข้างล่าง"  

"งานหน้าพี่จะเป็นแม่บ้าน คอยกางเต้นท์ ทำกับข้าวรอนะ" 

แต่สรุป ก็เดินไปกับเขาจนได้ เพราะลูกยุ ของทีมงาน น้อง ๆ แต่ละคน ให้กำลังใจ... ไปก็ไป เดินไป ท่อง นะโม ไป อาศัย แรงบุญ พยุงขา อีกแล้ว ครับท่าน....

ไม่เสีย ชาติเกิด จริง ๆ ที่เกิดมา ในโลกนี้ สวรรค์บนดิน .... มีจริง ความงามของธรรมชาติ สวยจนยากจะบรรยาย ให้เพื่อน ๆ ได้ฟัง เพราะต่างจิตต่างใจ แต่หัวใจเดียวกัน (อิอิ... เล่นอีกนิด...)

จุดสูงสุด มองวิวได้ 380 องศา เราเหยียบอยู่บนเมฆ ลมพัดแรงมาก หนาวจนสั่น อากาศที่ชื้น ร่างกายเสื้อผ้าที่เปียกชื้นจากเม็ดฝน ทำให้หนาว แต่สู้ ถ่ายรูปเก็บกันกระหน่ำ ความงดงามยังไม่สามารถนำมาปรากฏให้เพื่อน ๆ เห็นได้หมด ....

บนจุดสูงสุด คุณจะเห็นยอดหกพู แผ่นดินเมืองนครด้านล่าง และไกล ๆ คือ ทะเล....

คุ้มค่า คุ้มเวลา คุ้มจริง ๆ "ไม่มียอดเขาใด สูงเกินเข่า ของนักเดินทาง..." คำกล่าวนี้ เห็นจริงแท้ ประจักษ์แก่ใจ ก็วันนี้เอง..... แล้วคุณล่ะ จะพิสูจน์ บทกวี วจีคำใด หรือธรรมะใด กันหนอ ก้าวออกมา ค้นหากันเองนะค่ะ....

แถมอีกหนึ่งคำกล่าวลอยลมมาว่า "ใกล้หู ใกล้ตา แต่ไกลตีน" รู้สึก ณ วินาทีนี้ว่า จริงหนอ แท้หนอ หูหนอ ตาหนอ แต่ขาเมื่อยแล้วหนอ ทำไหมไกลจริงหนอ เห็นแค่เนี่ยยยยยยยยยยย ได้ยินแว่ววววมาแล้ว ทำไหมเดินอีกไกลหนอ  โอ๋ อนิจา ทุกข์ขัง.... สังขารหนอ... (บรรลุธรรมอีกแล้ว) อิอิ...พอแล้วเนอะ เดี๋ยวเพื่อน ๆ อ่านจะนึกว่า เป็นบทความธรรมะซะงั้น.... กลับไป....

หลังจากนั้น ก็กินข้าวกันบนยอดดอย อาหารมื้อนี้เผ็ดมาก...... ต้องการให้สู้ลมหนาวหรือไงกันหนอ.... หรือคนปรุงเป็นคนใต้ คิดไป น้ำตาไหล ...ไม่ใช่ซึ้ง แต่มันเผ็ดจ้า...............


ในที่สุด.....ภาระกิจพิชิตยอดดอยหกพู อุทยานแห่งชาติเขานัน ความสูง 1,438 เมตร ก็สำเร็จเรียบร้อยแล้ว....

จึงปรากฏ...ฝีเท้า ให้เห็นไว้....จารึกในใจว่า ...."เท้าฉันหนอ เหยียบยอดสูงสุดได้แล้วหนอ...."
(โอ๊ย ดีใจ....)

แต่ความสุข ก็คือ สิ่งไม่เที่ยง หลังจากหลงระเริงไปกับความสุข ความสำเร็จแล้ว ต้องกลับไปทุกข์ กับการเดินทางลงอีกต่อไป....

เดินลงเขา หากจะถามคุณว่า.... คุณชอบเดินขึ้นเขา หรือ เดินลงเขา มากกว่ากัน หลายคน ก็ หลายคำตอบ หลายความคิด ต่างจิต ต่างใจ...

ในหลักของแรงโน้มถ่วง... การเดินลงเขา จะส่งผลให้น้ำหนักบวกกับแรงโน้มถ่วง ทำให้ขาหรือกล้ามเนื้อต้องรับน้ำหนักมากกว่า การเดินขึ้นเขา แต่การเดินขึ้นเขาต้องใช้ ความแข็งแรง และความอึดของกล้ามเนื้อขา เท้า และหัวใจ มากกว่า การเดินลง.... สุดท้ายก็สุดแต่คุณว่า คุณจะแข็งแรงหรือมีร่างกายที่พร้อมรับสภาวะแบบไหนกว่ากัน คุณก็จะชอบแบบนั้นมากกว่าอีกแบบนั้นเอง....

หลังจาก ลงเขา แบบรวดเดียวจบ ทีมก็ลงมา ณ จุดริมธารที่มีสระใหญ่ในการอาบน้ำ แต่ปรากฏว่า หลังจากเดินดูสถานที่กางเต้นท์แล้ว ไม่เหมาะสมเพราะพื้นที่ไม่เรียบ อีกทั้งเป็นทางน้ำไหลผ่าน หากฝนตกจะไม่ปลอดภัย พวกเราจึงตัดสินใจ เดินลงไปอีกเรื่อย ๆ  จนกระทั่งถึงธารน้ำแรกที่นั่งพักทานอาหารกัน และมีชาวบ้านอาศัยอยู่

น้องที่นำทาง เขาไปติดต่อของเจ้าของบ้านเพื่อกางเต้นท์ แต่ปรากฏว่า ชาวบ้านใจดี แนะนำให้ไปพักที่บ้าน คุณลุงพวง ซึ่งจะเปิดเป็นโฮมสเตย์ ให้นักเดินทางได้เข้าพัก พวกเราจึงตัดสินใจไปนอนที่บ้านคุณลุงพวนกัน

ลูกสาวคุณลุงใจดี มาปัดกวาด ปูที่นอนให้ แถมยังช่วยพวกเราทำอาหารอีก และเอาอาหารมาเพิ่มให้อีกด้วย คืนนั้นรอบวงกันทานอาหารเย็น กับข้าวเยอะมาก อาหารก็เยอะมาก อร่อยจริง ๆ ฝีมือพวกเรา ทั้งล้าง ทั้งผัด ทั้งทอด ทั้งต้ม สุดยอด อร่อยจริง ๆ ....

โฮมสเตย์บ้านลุงพวง สนใจติดต่อได้ที่เบอร์ 084-7453990 ในบ้านใช้ไฟจากแบตเตอรรี่ ซึ่งได้จากแผง Sola Cell ส่วนน้ำได้จากธารน้ำ ซึ่งคุณลุงต่อท่อเข้ามาใช้ในบ้าน อากาศกลางคืนเย็นสบาย ไม่มียุง....

คืนนั้น นอนหลับสนิท ไร้ซึ่งความฝัน แต่หลับตา เห็นแต่สีเขียวของต้นไม้ติดตา ตรึงใจไปตลอดคืน .....
เช้ามา ตี 5 เสียงคุณลุงพวง เจ้าของบ้านตื่น กัปตันตื่นคนต่อมา เราเองก็ตื่น แต่ไม่อยากลุก ลืมตาเลย...ง่วง ๆๆๆๆๆ

แต่เสียงคุยกันดังจนต้องลุก ไปอาบน้ำดีกว่า ..... เราอาบน้ำที่ห้องน้ำ ซึ่งยังไม่มีฝักบัวใช้ตักอาบ ส่วนคนอื่น ๆ ไปอาบน้ำที่ สระอโนดาด อิจฉาจัง.... แต่ก็ไม่พลาดนะ ยังไปแช่เท้านั่งเล่น และทำ Fish Spa เสียหน่อย

น้ำเย็น สดชื่น มาก ๆ รองน้ำเก็บใส่ขวด เอาไว้มาดื่มตอนเช้า และระหว่างทางเดินกลับลงจากเขา ไปยังจุดนัดพบให้รถมารับ.....


เช้านี้ก็ช่วยกันทำอาหารอีกครั้ง สนุกสนานกัน กาแฟ ขนมปัง ยามเช้านี้ก็อร่อย ได้บรรยากาศ เช่นกัน....

หลังจากทานอาหารเรียบร้อย เก็บของ แล้วบอกลา คุณลุงพวง เพื่อเดินทางกลับต่อไป......


จากบ้านลุงพวง ก็เป็นเส้นทางชันลงสู่สันเขื่อน ระหว่างทางเต็มไปด้วยต้นทุเรียน และมังคุด

ซึ่ง....ในที่สุดก็มาเจอะต้นมังคุดที่มีลูกสุก... น้องคนนำทาง ทำการเก็บมังคุดมาให้ชิม รสชาด หอม หวาน อร่อย เนื้อขาวแน่น อร่อย มาก ๆ

อร่อยจน อยากทาน อีก อยากทานอีกครั้ง...สุดยอดเลย

ทางเดินลงเขา เล่นเอา ข้อเท้ารับน้ำหนักแทบไม่ไหว แต่ก็ทนไป เพราะใกล้ถึงแล้ว.....







หลังจาก รถมารับแล้ว เราก็ได้แวะไปยังถ้ำหงส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขานัน ซึ่งเรามิสามารถนำภาพมานำเสนอท่านได้ เนื่องจาก ทางอุทยานได้ขอร้องไว้ จนกว่าทางอุทยานจะเปิด ถ้ำหงส์เป็นแหล่งท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการของ อุทยานแห่งชาติเขานัน ก่อน (อันนี้ ยังไม่ทราบสรุปว่าไง ลงภาพได้ไหม หากได้จะนำมาลงเพิ่มเติมนะค่ะ เพราะว่าสนุกและมันส์มาก ๆ ค่ะ)

แต่เล่าได้ว่า.... ถ้ำหงส์ สุดยอดมาก ๆ เป็นถ้ำที่เหมาะกับการผจญภัย แบบครบรส เป็นถ้ำน้ำ ด้านในมีน้ำตก คุณสามารถเล่นได้อย่างสนุกสนาน การเดินทางไม่อันตราย ในถ้ำมีน้ำตลอดเส้นทาง มีปีน ป่าย ขึ้นเชือก ไต่เชือก ลอดถ้ำ ลงน้ำ เล็กน้อย แต่สนุกมาก ๆ เลย น้ำตกก็ใสสะอาด มีปลา และสัตว์เล็ก ๆ ให้คุณดู ตลอดเส้นทาง.... หากคุณได้ไป ก็กลับมาเล่าให้เราฟังบ้างนะ...

หลังจากเปียกปอนกันแล้ว ไปแวะอาบน้ำ สระผม ที่บ่อน้ำพุร้อน ของชาวบ้านน้ำตกกรุงชิงกันดีกว่า ราคาไม่แพง คนละ 10 บาท เท่านั้น
บ่อน้ำร้อน มีบ่อร้อนสุดด้านหน้า สำหรับต้มไข่ ด้านหลัง มีเรือนแบ่งเป็นห้อง ๆ สำหรับแช่อาบส่วนตัว หรือจะอาบแบบรวม กลางแจ้งเราก็มี ....



อาบน้ำแร่ แช่ตัวกันแล้ว ออกมา ฝนก็กระหน่ำลงมาทันที .....

ต้องมานั่งรอที่ร้านค้า ที่ดูแลบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ จนฝนเริ่มซา ก็เดินทางไปยังสนามบินทันที

ถึงสนามบินอีก 1 ชั่วโมง เครื่องออก แวะทานอาหารที่ร้านเดิม (พนักงานดุ ย้ำอีกครั้ง) แต่อาหารอร่อยใช่ได้เลยแหละ หิวด้วย กินเสร็จ ก็ขึ้นเครื่อง

นอน.... ถึงกรุงเทพ นั่งรถกลับบ้าน หิว กิน ง่วง นอน .... หมดไปแล้วอีกงาน ทริปหน้าเจอะกันไหมค่ะ...บาย ๆ ง่วงแล้ว ไปนอนแล้วจ้า...........

แนะนำขอเสนอที่เที่ยวดี ๆ เวปนี้เลย กดตรงนี้

สมุนไพร ชิงดอกเดียว (พบเห็นได้ทั่วที่เขานัน)


ชิงดอกเดียว Goniothalatamus macrophyllus (Blume) Hook.f.&Thaomson
วงค์             Annonaceae
ชื่ออื่น ๆ      กาเยาะบราเนาะ (มลายู-ปัตตานี), กิ่งดอกเดียว (ตรัง), ราชครูดำ (ปัตตานี)
ราก ต้น ดองสุราขาวดื่มแก้ปวดเมื่อย


วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

โฮมสเตย์เขานัน จังหวัดนครศรีธรรมราช

แนะนำโฮมสเตย์สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปพิชิตยอดเขาสูง 1,438 เมตร ของเขานัน จังหวัดนครศรีธรรมราช

เป็นบ้านพักของคุณลุงใจดีท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นทางผ่าน ก่อนเดินทางเขาสู่เส้นทางขึ้นเขา คุณสามารถเลือกมาพักเพื่อเป็นจุด start ในการเดินขึ้นเขา หรือเป็นจุดพักก่อนเดินทางกลับบ้านก็ได้ค่ะ

โดยเรามีโปรแกรมแนะนำเพื่อพิชิตยอดเขานัน 1,438 สำหรับ 3 วัน 2 คืน ดังนี้ ค่ะ


       เดินทางจากกรุงเทพ สู่ นครศรีธรรมราช ในตอนเช้า มาแวะที่ โฮมสเตย์ ฝากสัมภาระต่าง ๆ แล้วเตรียมการเดินขึ้นสู่ยอดเขาเต่า (คุณจะเดินทางยังไงก็ได้ แล้วให้ทางทีมงานที่จะนำเดินป่า พามาส่งที่เส้นทางเดินสู่ยอดเขาเต่า เส้นเขาถุงจูด (ทางขึ้นทางเขื่อน)

      รถจะมาส่งให้เพียงสันเขื่อน แล้วคุณต้องเดินขึ้นไปตามทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมง (เป็นทางชัน) จะเข้าสู่หมู่บ้าน และสวน ซึ่งเป็นจุดที่ตั้งของ โฮมสเตย์ลุงพวง คุณสามารถผ่านสัมภาระ และเตรียมพร้อมร่างกายก่อนเดินทางขึ้นเขาได้ที่ โฮมสเตย์คุณลุงพวง แนะนำขนไปเท่าที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เพียงคืนเดียวบนเขา

          จากนั้นก็เดินเท้าขึ้นสูงยอดเขาเต่า โดยจะผ่านจุดตั้งเต้นท์ใกล้แหล่งน้ำ ก่อนขึ้นไปยังจุดสูงสุดบนเขาเต่าไม่มีแหล่งน้ำ ลมพัดเย็น แต่วิวดี ซึ่งมีเพียง 2 จุดนี้เท่านั้นในการตั้งแคมป์ ใครถึงก่อนก็เลือกที่ได้ก่อนค่ะ พักที่จุดนี้ 1 คืน เตรียมพร้อมร่างกาย เพื่อไปพิชิตยอดเขานันจุดสูงสุด 1438 เมตรกัน

          วันรุ่งขึ้น หลังจากทานอาหารเรียบร้อย เก็บสัมภาระ ลงมา แล้วเอามา drop ไว้ ณ ทางแยกที่จะขึ้นไปยอดเขาสูงสุด
          พร้อมเดินทาง (ชัน สูง) ขึ้นสู่ยอดเขาสูงสุด (ลมแรงมาก) เดินขึ้นลง ขึ้นลง ผ่าน 3 เขา จนถึงยอดเขาสูงสุด ทานอาหารที่ห่อไป เก็บภาพบรรยากาศทั้งหมด แล้วจะเดินทางลงมา ณ จุดที่ drop สัมภาระไว้

            เดินทางรวดเดียว กลับมายังโฮมสเตย์ มาทำกับข้าว นอน อาบน้ำ ณ สระอโนดา แล้วพักผ่อน
              เช้ามาเดินทางลงไปยังสันเขื่อน รอรถมารับ แล้วไปแวะเที่ยวถ้ำหงส์ เล่นน้ำตกในถ้ำ แล้วแวะไปอาบน้ำแร่ ก่อนเดินทางกลับสู่บ้านอันอบอุ่นของเรา
          รายละเอียด โฮมสเตย์ลุงพวง พลหาญ (คุณจะได้สัมผัส วิถีชีวิตแบบชาวบ้าน คุณลุงใจดี อายุ 75 ปี แข็งแรง น่ารักมาก ๆ ค่ะ)
          • บ้านไม้ 2 ชั้น ยกใต้ถุนสูง แบบไทย ๆ 
          • เรือนห้องน้ำ
          • เรือนทำครัว ทำอาหาร
          • ใต้ถุน ที่ทำกิจกรรม
          • มีน้ำ (จากแหล่งน้ำธรรมชาติ ต่อตรงเข้าเรือน)
          • มีไฟ (ไฟจากแผงโซลาเซลล์ อนุรักษ์ธรรมชาติ)
          • กิจกรรม: ทำอาหาร (เตรียมมาเอง), เล่นน้ำตก สระอโนดา, Fish Spa จากธรรมชาติ, ดูการทำยางพารา (ให้สอบถามก่อน เพราะบางช่วงไม่มี), ทานผลไม้จากสวนป่า, แลกเปลี่ยนความรู้กับคุณลุงพวงเรื่องการทำเกษตร

          บ้านพัก โฮมสเตย์ คุณลุงพวง เป็นบ้านไม้สองชั้น มีน้ำ มีไฟ

          คุณจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตชาวบ้าน การกินอยู่แบบไทย ๆ ความเป็นไทยในแบบ บ้านไม้สองชั้น ที่พบได้ใน วิถีชีวิชนบท










           มีไฟด้วย แผงโซลาร์เซลล์ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เก็บสำรองไว้ที่แบตเตอรี่ ไว้ใช้ให้แสงสว่างในเวลากลางคืน


          มีเรือนห้องน้ำ แยกออกจากตัวเรือนบ้านพัก น้ำ ไฟ พร้อม น้ำก็ได้จากแหล่งน้ำธรรมชาติ ต่อเข้ามาตามท่อ ด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน









           บนเรือนชั้นสอง มีห้องพัก 1 ห้อง มีประตู (ปกติ คุณลุงพวงจะอยู่ ด้วยด้านนอกมียกพืน 2 ด้าน สามารถนอนได้ประมาณ 4 - 8 คน (ไม่รวมนอนที่เปลใต้ถุนบ้าน เย็นสบาย มาก ๆ ไม่มียุง แทบจะแย่งกันนอนเลยแหละ)


          ใต้ถุงบ้าน ยกสูง ลมพัดเย็นสบายทั้งวัน มีแผ่นยางตากไว้ มีเปลผูก 2 หลัง นอนเล่น นั่งคุย ทำกิจกรรมกันแบบสบาย ๆ กว้างขวาง








           เรือนครัว ของด้านซ้ายมือของตัวบ้านหลังใหญ่ มีไฟ มีน้ำ เตาเป็นเตาถ่าน พื้นยกสูง เหมือนบ้านไทยโบราณทั่วไป สำหรับทำกิจกรรมทำอาหาร สนุก อร่อยด้วยฝีมือเราเอง

          อุปกรณ์ครัวมีครบ แต่ให้เตรียมของสำหรับปรุงอาหารมาเอง โดยควรซื้อมาก่อนเดินทางแล้วนำมาฝากไว้ก็ได้

          มาด้วยกันช่วยกันทำ สนุกสนาน แล้วล้อมวงกินข้าวกัน






          อาบน้ำท่ามกลางธรรมชาติ เดินจากตัวเรือนบ้านใหญ่เพียง 200 เมตร ผ่านเรือนครัวมุ่งตรงไป คุณจะพบสระธรรมชาติ ท่ามกลางขุนเขา แมกไม้ สะอาดกินได้ ดื่มได้ อาบน้ำได้ หากตื่นเช้าคนเดียวแอบไปอาบเล่นได้ นี่คือ สระอโนดาด ของคุณ...

          มี Fish Spa จากธรรมชาติ ที่คุณไม่ต้องเสียเงินด้วย ผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า หลังจากต้องเดินทางขึ้นเขา ลงเขา ปวดเมื่อยร่างกายมาจากการพิชิตยอดเขา.....

          บริการเหล่านี้ คุณจะได้มา เพียงโทรหา คุณลุงพวง คุณลุงใจดี เท่านั้น (ช่วยกันอุดหนุนคนไทยด้วยกันนะค่ะ)


          สนใจติดต่อเข้าพัก โทรติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน ที่ คุณลุงพวง พลหาญ 084-7453990

          วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

          เกาะพงัน ตอนเล่นว่าว

          "ไปทะเลกันดีกว่า ไปทะเลกันดีกว่า ปล่อยใจให้สุขสันต์ ไปเที่ยวลมโต้คลื่น ให้สดชื่นและสมหวัง..."


          เสียงเพลงเชิญชวนขนาดนี้ ใครเลยจะอดใจไหว หน้าร้อนแบบนี้ สองสาวร้อน hot ซ่า แบบสองเราต้องไปเที่ยวทะเล ทะเลอ่าวไทย เกาะเต่า เกาะพงัน เกาะนางยวน เกาะสมุย คือ จุดมุ่งหมาย (หาอ่านได้นะจ๊ะ)

          วันนี้เลยอยากมาเล่าภาคต่อของ การไปเที่ยวที่เกาะพงันหน่อย ก่อนคืน Full Moon Party มีเวลาว่างมาพักผ่อนแบบชิว ๆ ริมทะเล เดินเล่นชายหาด

          กิจกรรมที่เลือกทำริมชายหาดวันนี้ นอกจากการเล่นน้ำ นอนอ่านหนังสือ นอนอาบแดด พวกเราเลือกที่จะ "เล่นว่าว" ค่ะ "เล่นว่าว" คุณได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ พวกเราจะเล่นว่าวกัน อิอิ....

          เล่นว่าว จริง ๆ ค่ะ พกมาเอง สีสดใส ชมพูแปร๋นแร๋น ร้อนแรงมาก ๆ นึกกันไม่ถึงซิค่ะว่า มาไกลถึงภาคใต้ มาทะเล มา เล่นว่าว อิอิ.... ตัวเราเองก็นึกไม่ถึง แต่คนพกมา นึกจะเล่นจริง ๆ ค่ะ

          พร้อมกับเอามาประกอบโครงด้วยความคล่องแคล่ว เช็กสายลม แรงลม ทิศทางลม อย่างเชี่ยวชาญ.... เก่ง จริง ๆ นะ ตัวแค่เนี่ย ....
          ภาพแรก.... คุณหญิง ประกอบ ว่าว ด้วยความคล่องแคล่ว แล้วเช็กทิศทางลม

          กิจกรรม "เล่นว่าว" จึงเกิดขึ้น ลมไม่ค่อยจะมีค่ะ วิ่งซะเหนื่อยเลยแหละ

          ปล่อยว่าวตั้งหลายครั้ง ยังไม่ติดลมบนสักที (เสื้อชมพู วิ่งซะเหนื่อยเลย หมดแรงค่ะ)










          หลังจากทำยังไง ว่าว ก็ไม่ขึ้น ลมไม่มี เลยเปลี่ยนจากเล่นว่าว มาเล่นถ่ายรูปกันซะเลย.... อิอิ

          แต่ละท่า ที่โพสต์ถ่าย บ้า ๆ สนุก ขำ ๆ กันมากเลยค่ะ งานนี้เลยมีแต่เสียหัวเราะ กับท่าทางที่บ้า ๆ ค่ะ... บอกได้เลยว่า ...สนุกจริง ๆ เล่นว่าว เนี่ย 555555......











          ตอนหลัง เริ่มไม่อายแล้ว เก็กท่า ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ราวกับว่า เราเป็นเจ้าของทะเล เจ้าของชายหาด เป็นหาดส่วนตัวของเราจริง ๆ

          เกาะพงัน ..... คิดถึง ....... ทะเล .... หาดทราย... และ "เล่นว่าว....."

          อิอิ.... <...>



          วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

          เกาะเต่า ตอนมอเตอร์ไซด์ทำหล่น

          เกาะเต่า เป็นแหล่งผลิตนักดำน้ำของประเทศไทย อันเนื่องจากภูมิศาสตร์ของเกาะมีจุดดำน้ำมากมาย การเดินทางสะดวกสบาย ใช้เวลาไม่นาน จึงทำให้ เกาะเต่า เป็นที่รู้จัก และนิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ

          หากใครสนใจต้องการเดินทางไป เกาะเต่า หรือ อยากลองอ่านประสบการณ์การเดินทางไป เกาะเต่า ก็อ่านได้ที่นี้เลย เกาะเต่า

          การเดินทางมา เกาะเต่า เราได้นำเสนอไปแล้วในบทความก่อนนี้ แต่ของทวนกันอีกที คือ การนั่งรถ ลมพระยา ไปชุมพร ต่อเรือไป เกาะเต่า โดยสามารถซื้อตั๋วรถต่อเรือ ได้ในราคาปกติ 650 บาท (นอกนั้นไม่ปกติ แล้วแต่คุณโชคดีหรือร้ายค่ะ)

          สำหรับที่พักบน เกาะเต่า เราแนะนำ Wind Bead resort ที่พัก ก็ราคาตั้งแต่ 600 - 2500 บาท ลองหาข้อมูลดูในอินเตอร์เนตนะค่ะ ส่วนการเดินทางใน เกาะเต่า จะมีรถแดงหรือแท็กซี่แดง (รถสองแถวเล็ก) คิดค่าเดินทางเริ่มต้นที่ 200 บาท (คนไทย) แล้วก็ตามระยะทาง ส่วนรถเช่า ก็จะมีทั้งรถมอเตอร์ไซด์ รถกอฟล์ รถ ATV ให้เช่า แต่ในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะ รถมอเตอร์ไซด์เช่า ของ เกาะเต่า ดังนี้

          เกาะเต่า เป็นแหล่งชุมชนของนักท่องเที่ยว ที่พูดภาษาอังกฤษ ภาษาต่างประเทศ คุณจะหาคนพูด ภาษาไทย ได้น้อยมาก ดังนั้น การเดินทางมาท่องเที่ยว เกาะเต่า คุณควรพอสามารถสื่อสาร ภาษาอังกฤษได้บ้าง หรือ ทางที่ดี คุณพูด ภาษาอังกฤษ แปลงตัวเป็นนักท่องเที่ยวไปเลย คุณจะได้รับการยอมรับ และต้อนรับมากกว่า คนไทย ค่ะ เพราะพ่อค้า แม่ค้า ที่ให้บริการนักท่องเทียว ล้วนแล้วแต่พูดภาษาอังกฤษกันส่วนมาก แต่บ้างกลุ่มมิใช่คนไทย แต่เป็นชาวประเทศเพื่อนบ้านของเรา ซึ่งพูดไทยได้น้อยมากค่ะ

          ภาษาอังกฤษ จึงเป็นภาษากลางของ ชุมชนชาว เกาะเต่า ...... (นี่...มันประเทศไทยหรือเปล่าเนี่ย... ไปแล้วงง...)

          การเช่ารถมอเตอร์ไซด์ สำหรับคนไทย นั้นค่อนข้างยากเย็นยิ่งนัก แต่ถ้าคุณมีเงินพอ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ คนไทย ต้องประกันค่ารถ 5000 บาท ส่วนชาวต่างชาติ แค่ใช้พาสปอรต์ก็พอ ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซด์ก็เริ่มต้นที่ 150 บาทต่อวัน ไม่แพง ส่วนถ้ารถเสียหาย หรือคุณทำรถพัง เขาจะชารต์คุณมากกว่าค่าซ่อม 3 เท่า แล้วถ้ารถพัง รถหาย เขาไม่คืนค่าประกันรถ คุณต้องเสีย 5000 บาทให้เขาไปเลย แต่ถ้าเป็นชาวต่างชาติ เขาจะชาร์ตเริ่มต้นที่ 3000 บาท ถ้าซ่อมก็ค่าชาร์ต 3 -5 เท่าเลยทีเดียว

          แต่ทั้งนี้ก็มิได้เป็นเหมือนกันทุกร้านเช่ามอเตอร์ไซด์ หากคุณไปอยู่ที่พักที่เขามีรถให้เช่า ก็จะสะดวกหน่อย ไม่ต้องมีค่าประกันรถ คราวนี้เราจะมาแนะนำคุณในเรื่องของมอเตอร์ไซด์เช่า จะมี 2 ลักษณ์ คือ

          1. มอเตอร์ไซด์ธรรมดา (ล้อเล็ก)
          2. มอเตอร์ไซด์วิบาก (ล้อใหญ่)
          ถนนใน เกาะเต่า มีลักษณะชัน ขรุขระมาก ในบางพื้นที่ (ส่วนใหญ่ ที่จะไปหาด หรือจุดชมวิว) ดังนั้น เราจะแนะนำให้คุณเลือก มอเตอร์ไซด์วิบาก ล้อใหญ่ ที่สามารถเกาะถนนได้ดีกว่า แต่คุณต้องพอขับมอเตอร์ไซด์ได้ดีในระดับหนึ่งเชียว

          พวกเราขับมอเตอร์ไซด์ไม่คล่อง จึงเลือก มอเตอร์ไซด์ธรรมดา (แต่จริง ๆ ไม่มีเงินประกัน จึงต้องไปหาร้านที่ไม่ต้องใช้เงินประกัน ก็ได้มอเตอร์ไซด์เก่า ๆ แบบธรรมดามา 1 คัน เบรกไม่ดี ล้อยางรั่ว ต้องไปปะยางอีก แล้วก็ไปเติมน้ำมัน เติมไป 80 บาท แต่ขับไปจริง ๆ ไม่ถึง 40 บาทเลย เพราะถนนที่ขรุขระ และลาดชันมาก จึงทำให้ไม่สามารถเดินทางไปต่อได้

          หลายต่อ ๆ จุด ที่ชันมาก ขรุขระมาก คนซ้อนแบบเรา ต้องลงเดิน แบกกล้อง แบกขาตั้งกล้อง เดินขึ้น เดินลง เหนื่อยจะตาย ร้อนก็ร้อน... กรรม...

          เท่านั้นไม่พอ ..... เหตุการณ์นั้นยังมาบังเกิดกับเราอีกด้วย.... ตอน มอเตอร์ไซด์ทำหล่น...
          (แหะ กว่าจะเล่า เพื่อน ๆ คงบ่นกันว่า เกริ่นนำยาวมากกกกกกกกกกก)
          เข้าเรื่องกันเสียที ตอน มอเตอรไซด์ทำหล่น 
          ได้มอเตอร์ไซด์ แล้ว ถึงจะเก่าไปนิด แต่พอได้ ขับเที่ยวรอบเกาะกันดีกว่า มาแล้วภาระกิจ เที่ยวรอบเกาะคนขับ "โห... ทางชันจัง ขึ้นไม่ไหวแน่ ถ้ามีคนซ้อน .... "
          คนซ้อน "อ้าว... ให้ลงไหม เอายัง..." ขณะยังลังเลใจอยู่ ก็เตรียมที่จะลุกลงด้วย 
          คนขับ "อืม....." ยังไม่พูด ไม่ตัดสินใจ
          คนซ้อน ก้าวขาซ้ายลง เหยียบพื้น ยกก้นขึ้น กำลังจะลงจากมอเตอร์ไซด์ ขณะนั้น ทันใดนั้น รถมอเตอร์ไซด์ก็ขยับถอยลงมา เสียงดัง "ตุ๊บ.... โอ๊ยดยยยย..."

          คนซ้อน หล่นหงายหลัง จ้ำเบ้า ลงไปบนหญ้า.... หญ้าเจ้าชู้ เจ็บ..บบบ มันแทง ติดเต็มกางเกง และต้นขา (ใส่ขาสั้นอ่ะ... เจ็บนะเนี่ย) 
          5555..... เสียงหัวเราะ ของคนขับ และผสานต่อด้วย คนเจ็บที่หล่นลงไปเรียบร้อยแล้ว

          คนขับ "อ้าว...ลงไปได้ไงเนี่ย..." (ยังมีหน้ามาถาม...) คนเจ็บ ค้อน....
          คนเจ็บ "แง ๆ มอเตอร์ไซด์ทำหล่น... เสียงร้องของคนเจ็บ"

          เรื่องก็มีเพียงเท่านี้แหละนะ  แต่อยากเล่า ไม่มีภาพประกอบ ขอให้ใช้จิตนาการเอง...

          สุดท้ายนี้ ... ฝากข้อคิดไว้ว่า ... ขับขี่มอเตอร์ไซด์ให้ปลอดภัย อย่าทำแฟนหล่น .... อิอิอิิ

          วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

          ขาดความรับผิดชอบ

          ปัจจุบัน ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ของตน หน้าที่เล็ก ๆ ที่เราต้องทำ กลับไม่รับผิดชอบ ตัวอย่างหนึ่ง คือ บริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง มีหน้าที่บริการส่งของ รับของให้ลูกค้า กลับขาดความรับผิดชอบ นัดไปรับของลูกค้า ไม่ไปตามนัด แจ้งจัดส่งสินค้า ไม่จัดส่งตามวันและเวลาที่กำหนด ที่สำคัญไม่แจ้งลูกค้า ไม่รับผิดชอบใด ๆ ทำสินค้าเสียหาย ก็ไม่สน

          สังคมไทย เกิดปัญหา ความเห็นแก่ตัว การขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ต่อหน้าที่ ต่อตนเอง ทำให้บ้านเมือง สังคมไทยเป็นเช่นนี้

          คำพูดที่เอ่ยออกไปแล้ว น้อยคนนักจะทำตามอย่างที่พูด ที่รับปากไว้ได้ หากแต่พยายามแล้ว แต่ไม่สำเร็จ นับว่าเป็นผู้มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตน แต่หากไม่พยายาม ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ งานนั้นก็จะประสบความล้มเหลว

          บริษัทขนส่งแห่งหนึ่ง แข็งเอ็กซ์เพรส รับบริการรับส่งของรวดเร็วทันใจ แต่ขาดความรับผิดชอบ ไม่มารับของตามนัดหลายต่อหลายครั้ง ส่งผลต่อความเสียหายของบริษัทลูกค้า แต่ไม่รับผิดชอบ ส่งของล่าช้ากว่ากำหนดเป็นอาทิตย์ อ้างว่าไม่มีรถวิ่ง แต่เก็บเงินในราคาจัดส่งแบบด่วน ซึ่งถือว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อการทำหน้าที่ของตน เรียกว่า ขาดความรับผิดชอบ

          ทั้งนั้น ผู้เขียนเอง ได้ประสบเหตุการณ์เหล่านี้ มากับบริษัทขนส่งหลายแห่ง แต่บริษัทขนส่งแห่งนั้น เกิดปัญหาบ่อยที่สุด แต่ด้วย ข้อจำกัด ของสินค้า ผู้เขียนจำต้องใช้บริการบริษัทขนส่งแห่งนี้ ต่อไป

          ปัญหาสังคมจึงเรียกว่า ไม่มีทางแก้ไข หากคุณยังขาดความรับผิดชอบ...


          .

          วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

          เกาะพะงัน ภาคสอง หาดท้องนายปาน

          "เราจะไปพักคืนที่สองกันที่ หาดท้องนายปาน เกาะพะงัน" เพื่อนที่ทำโปรแกรมบอก... หาดท้องนายปาน ทะเลสวยมาก สงบ ห้องพักเป็นพัดลม ราคาไม่แพง น่าจะชอบนะ เป็นแบบสงบ ๆ เหมาะกับเราที่ชอบธรรมชาติมาก... ฟัง แล้ว โอเค ไม่มีปัญหา ลุยได้เลย....


          [หาดท้องนายปาน ตั้งอยู่ททางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะพะงัน หมู่ 5 ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 3 กิโลเมตร
          การเดินทาง ไปหาดท้องนายปานได้สองทาง คือ นั่งรถผ่าเกาะขึ้นเขาลงเขาไป ราคาต่อคน 500 บาท ถ้านั่งเรือไป แนะนำให้ไปขึ้นที่เกาะสมุย อ้าวแม่น้ำ มีเรือเที่ยวหาดท้องนายปาน ราคาต่อคน 350 บาท มี 2 เที่ยว คือ 9.00 น. และ 13.30 น. หาดท้องนายปานมี 2 หาดคือ ท้องนายปานใหญ่ และ ท้องนายปานน้อย โดยมีหัวแหลมคั่นอยู่เท่านั้น]


          หาดท้องนายปานน้อย คือ ที่พักที่เราเลือกไปพักกัน โชคดีได้ที่พักติดหาดในราคาไม่แพง เพราะอาศัยเส้นเพื่อน... นิดหน่อย ที่พักเป็นเรือนไม้ติดหาดด้านหน้า มีห้องน้ำในตัว เป็นห้องพัดลม สภาพเก่าพอสมควร แต่ไม่มีปัญหา ได้นอนมุ้งด้วย เพราะยุงเยอะ ถัดไปก็มีร้านอาหาร อาหารอร่อยใช่ได้เลยแหละ
          เพื่อนเราก็สั่งแต่ ข้าวผัดกุ้ง ข้าวผัดทะเล ตลอดทุกทริป แถมดันอร่อยทุกร้านด้วย เก่งจัง... เราซิ สั่งไปเรื่อย ได้อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง แล้วแต่ดวงเลย

          รูปแรก บรรยายกาศของ หาดท้องนายปานน้อย เงียบสงบ สวยงาม สะอาด สดชื่น เหมือนดังที่เพื่อนบอกไว้ เรารู้สึก จิตใจสงบ สบาย อยากอยู่นาน ๆ ริมหาดทรายขาว เสียงคลื่นกระทบฝั่ง สายลม สายแดด ไม่รุนแรง สบาย สุด ๆ สดชื่น ได้พลังงานจากธรรมชาติ โอ๊ย....สบายจริง ๆ ชอบ ๆ
           ภาพนี้ พวกเราหากิจกรรมทำเล่น เดินชายหาด ปีนเขา ไต่เขา เล่นว่าว สนุกสนาน เป็นส่วนตัว สนุกแค่ไหน ดูได้จากภาพ มีภาพหลุด ๆ อีกมากมาย แต่อาย ให้ดูแค่นี่ก่อนนะจ๊ะ...
           ภาพที่สาม เป็นที่พักที่เราไปพักกัน และร้านอาหาร อาหารอร่อย ราคาเดียวทั้งคนไทยและคนต่างชาติ พวกเราสั่ง ข้าวผัดทะเล กับ ก๋วยเตี๋ยวผัดทะเล อร่อย กินจนหมดเลยแหละ.... อิจฉากันหรือยัง....
          ภาพบรรยากาศ ตอนเช้า ฝรั่งพาลูกมาเล่นน้ำ เจ้าตัวเล่น ชอบเล่นน้ำมาก คลานลงทะเลเอง มีแม่ และพี่สาว ค่อยดูแล น่ารักมาก ๆ มีเป็นภาพวีดีโอด้วยนะ ลองดูซิ น่ารักมาก ๆ แล้วบริเวณชายหาดจะมีสุนัขมานั่ง มานอนเล่น ที่ชายหาด บรรยากาศดีมาก ๆ สุนัขก็เป็นมิตร ไม่เห่า ไม่กัดจ้า....

          ยังไงขอทิ้งท้ายไว้ด้วยภาพสุดท้าย... โดยเน้นให้ดูภาพ ดูบรรยากาศ ไร้คำบรรยาย เพราะยิ่งพูด ยิ่งบรรยาย ยิ่งอยากไป ไม่อยากกลับเลย.... เฮ้อ...เมืองไทย ไม่ไปไม่รู้จริง ๆ ค่ะ


          สงบมาก... 
          ฝรั่ง สามารถนั่งสมาธิริมทะเลได้....
          ฉัน สามารถบ้าได้ อย่างไม่อาย... กระโดดโลดเต้นไป

          สวยมาก....

          จนต้องปีนป่าย หามุมถ่ายรูป พิชิตยอดเขา โขดหิน

          สะอาดมาก...

          เด็กตัวเล็ก ๆ ยังสามารถเล่นหาดได้ โดยไม่ต้องห่วง

          อ้าว... เห็นรูปแบบเผลอบรรยายอีกแล้ว จบดีกว่า ไปแล้วนะจ๊ะ พบกันใหม่ ตอน เกาะสมุย

          เกาะพะงัน กับ Full Moon Party

          ทริปนี้จะมาเล่าเรื่อง การเดินทางไป เกาะพะงัน กันนะค่ะ แต่จะเน้นเล่าประสบการณ์ของการไปเที่ยวงาน Full Moon Party ครั้งแรกของชีวิตกันโดยเฉพาะ

          เมื่อได้รับโปรแกรมการเดินทางไป เกาะพะงัน ไฮไลท์ของวันแรกคือ การไป Full Moon Party ตอนแรก ๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเข้าใจมาตลอดว่า Full Moon Party คือ ที่เกาะสมุย (แหะ ๆ ไม่ได้รู้เรื่องกับเขาเลย) เพื่อนที่ออกโปรแกรม ก็เล่าประวัติ เชียร์อย่างมากเลยว่า สนุกอย่างนั้น สนุกอย่างนี้ ในงานมีอะไรบ้าง พระจันทร์ทรงกลด กลมใหญ่ ชายหาดยาว เสียงคลื่น เสียงเพลง นักท่องเที่ยวสนุกกัน บิ้ว...กันเห็น ๆ

          ดังนั้น ทริปนี้ หลังจากไป เที่ยวเกาะเต่า กันมา 2 คืน ได้เดินทางต่อมายัง เกาะพะงัน ที่ งานนี้ขอพักสบาย ๆ สักคืน จึงได้จองโรงแรมเซนทารา ปาริญา รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า (Centara Pariya Resort and Villas ) หาดยวน บ้านใต้ไว้ ห้องพักสวย สะดวกสบาย แต่การบริการโอเค แต่การเดินทางลำบากมาก โรงแรมไม่บริการเลย ทั้ง ๆ ที่ค่าห้องแพงใช่ได้

          พวกเราต้องเดินทางจาก เกาะเต่า โดยนั่งเรือจาก เกาะเต่า มาลงยังเกาะพะงัน ต้องต่อรถรับจ้างไปยังหาดริน ค่ารถคนละ 100 บาท เมื่อคุณลงจากเรือ จะมีตัวแทนโรงแรม รถรับจ้าง มากมาย มาคอยให้บริการ ตามตื้อ ถามว่าจะไปไหน เอารถไหม คุณไม่ต้องสนใจมากก็ได้ ให้เดินต่อเข้าไป จะมีโต๊ะมาตั้ง พร้อมให้ซื้อตั๋วรถ ไม่ว่าคุณจะไปหาดไหน ถ้าคุณไม่ใช้ลูกค้าของเขา เขาก็จะไล่คุณ เดินตรงไป เดินตรงไป หาดริน เดินตรงไป (ขอบ่น กระเป๋าก็หนักจะตาย ไม่มีใครช่วยเลย ไล่อยู่ได้ เซ็ง... เล็กน้อย)  พอซื้อตั๋วเรียบร้อย ก็โดยไล่ ให้ไปที่รถตู้ เร็ว ๆ อีก แล้วก็ต้องรอให้รถเต็มจึงออก พอมาส่งเราถึงหาดริน ก็จะเรียกเพื่อนที่เป็นเรือแท๊กซี่ มารับช่วงต่อทันที รถเรือ ก็ไม่ช่วยยกของนะ แต่เลือกจะยกของให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแทน ส่วนค่าเรือ ไปหาดยวน รีสอร์ท Centrara ก็คนละ 150 บาท (ราคาคนไทย) ซึ่งตามปกติ ทางรีสอร์ทแจ้งว่า คนละ 100 บาท แต่ราคามันขึ้นมาทันทีที่เห็นนักท่องเที่ยว ส่วนราคาฝรั่งไม่ต้องพูดถึง เรือเป็นเรือหางยาวลำเล็ก ภายในเรือไม่มีเสื้อชูชีพ และร้อนมาก แบบว่าจอดเรือตากแดด คนจะนั่ง ร้อนตูด...มาก ๆ ผู้โดยสารมองตากันปริบ ๆ ร้อนจะตาย (เราเองก็คิด ทำไม โรงแรมไม่มีบริการเรือมารับนะ ทั้ง ๆ ที่เป็นโรงแรมที่แพง และหรูในระดับหนึ่ง (เซ็ง...เป็ด...)
          เนี่ยเรือแท็กซี่ คนขับเรือ เลือกช่วยขนกระเป๋าให้ฝรั่ง ท่าขึ้น ก็เดินจากที่รถจอดไปประมาณ 200 เมตร ทางก็ขรุขระ ยังไม่ได้ทำถนน

          นั่งเรือ ฝ่าแดด ก้นร้อน ไปประมาณ 30 นาที ก็ถึง หาดยวน หน้าโรงแรม Centrara พอดี พนักงานโรงแรมออกมา แล้ววิ่งมาช่วยนักท่องเที่ยวฝรั่งขนกระเป๋าเข้าไปโรงแรม ปล่อยให้เราสองคน ยืนงง ๆ แบกกระเป๋าเดินตามเข้าไปเอง เพื่อนเราเริ่มมีอารมณ์เล็กน้อย หนักโว้ย.... พนักงานคนเดิมโผล่หน้ากลับมา มอง เรากวักมือเรียก มาช่วยยกของซิ พนักงานจึงค่อยวิ่งมายกของ เหลืออีก 10 ก้าว ถึงโรงแรม ให้ตามซิ .... ประทับใจมาก สองมาตรฐานชัด ๆ ค่ะ (ไม่ยอมจะฟ้อง นายก...)

          อ้าว... ตายแล้ว ลืมตัวบ่นออกนอกเรื่องมากไปนิด เราจะมาเล่าเรื่อง ครั้งแรก กับ Full Moon Party นี่หน่า ลืมตัวไป.... กลับ มาแล้วจ้า

          เริ่มเรื่อง Full Moon Party กันสักที คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง แต่บ้างช่วงมีเมฆฝนมาบดบัง ทำให้มีช่วงที่มืดมิดไม่เห็นดวงจันทร์ แต่บ้างช่วงดวงจันทร์สวยมาก

          บรรยากาศก็ประมาณเนี่ยแหละจ้า.....

          ระหว่างนั่งชมพระจันทร์บนจุดชมวิว ร้านอาหาร Bamboo Hut ก็ได้ยินเสียงประทัด เสียงเพลง เสียงเรือ แว่วมา.... ปาร์ตี้ เริ่มต้นแล้ว ที่พักเราอยู่คนละหาดกับงาน Full Moon Party แค่อ่าวเดียว ถามราคาการเดินทางไปหาดริ้น คนแรกบอก 200 บาท คนต่อไปบอก 150 บาท ถามรถเรือที่หน้าโรงแรมบอก คนไทยคนละ 100 บาท สรุปพวกเราเลยไปตอน 1 ทุ่ม เรือหลายลำพานักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติไปยังหาดริ้น ณ Full Moon Party บ้างลำ มีเสื้อชูชีพ บางลำไม่มี บางลำมีไฟขณะวิ่ง บางลำไม่มีไฟ ได้ยินแต่เสียง อันตรายเหมือนกันนะค่ะเนี่ย... หากคุณไปก็เลือกดี ๆ แล้วกันค่ะ (ขอบอกว่า ...หากมีแสงจันทร์ส่อง ความสว่างพอเห็นกันได้ แต่หากไร้จันทร์ทะเลนี้มืดสนิท มองแทบไม่เห็นกันค่ะ...)

          เมื่อเรือมาส่งถึงท่า หาดริน ปาร์ตี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว มีทั้งแสง สี เสียง ตระการตา พวกเราเริ่มต้นด้วยการ เพ้นท์ตัวด้วยสีเรืองแสง ราคาก็เริ่มต้นที่ 100 บาท แล้วแต่จะเพ้นท์กี่แบบ กี่ลาย แล้วต่อกันด้วยวงแหวนเรืองแสง เริ่มมีสีสรรปรากฏบนเรือนร่าง แล้วจึงเริ่มเดินชมบรรยากาศ ซึ่งจะเก็บมาฝากกัน ตามรูปนี้
          ภายในงาน มีการให้บริการ Tattoo เรืองแสง การแสดงโชว์ควงกระบองไฟ มีไฟรูปต่าง ๆ  
          มีการเล่นสไลด์เดอร์ ลอดห่วงไฟ น่ามันส์มากเลย บรรยากาศชายหาดยามเย็น แสงจันทร์ส่อง เคล้าเสียงเพลง นักท่องเที่ยวมาก ๆ ใบหน้าสนุกสนาน ผ่อนคลาย ปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเองออกมา 

          แต่งานนี้ .... บรรยากาศ สถานการณ์กลับไม่อำนวย เสียงฟ้าร้อง ลมพัดกระหน่ำ แสดงถึงการเข้ามาของ พระพิรุณ ฝนมา สายฝนเริ่มตกปรอย ๆ ต้องรีบเก็บกล้องใส่ถุง ห่ออย่างดี วิ่งหาที่กำบัง ระหว่างรีรอ ตัดสินใจจะกลับเลย หรือหาที่หลบฝนดี ณ วินาทีนั้น เรือแท๊กซี่มาส่งนักท่องเที่ยวพอดี เลยวิ่งขึ้นเรือ บอกให้กลับไปส่งที่โรงแรมทันที่ เรือวิ่งออกมาได้สักครู่ ฝนก็ตกกระหน่ำลงมา เม็ดฝนกระทบเรือนร่าง เจ็บมาก แสงจันทร์โดยเมฆฝนบดบัง ทะเลมืดสนิท มองอะไรไม่เห็น ร่างกายก็เจ็บจากเม็ดฝนที่กระทบ เพราะเรือวิ่งเร็ว เรือเลี้ยวโค้งตามรูปอ่าว ทำเอาเรือเอียง วูบวาบ ความกลัวเอาจู่โจ่ม ความหนาวเล่นเอาร่างกายสั่น ขาสั่น ตัวสั่น มือสั่น ฟันกระทบกัน เราสองหันมองหน้ากัน สายตาแต่ความกลัวปรากฏ แต่เพียงชั่วครู่ ไม่ถึง 10 นาที แต่ความรู้สึกยาวนานเหลือเกิน เราก็มาถึงที่หาดหน้าโรงแรม ฝนตกแรงมาก วิ่งเข้าโรงแรมกัน เนื้อตัวมอมแมม เปียกปอน หมดกันความสวย tattoo ที่เพนส์ไว้ ก็สลายไปกับสายฝน หนาว...มาก ๆ งานนี้ถึงที่พักอาบน้ำอุ่นกันด่วน....

          หลังจากจัดการตัวเอง และเสื้อผ้า เรียบร้อย ก็มานอนคุยกัน เสียดาย Tattoo ไหนบอกว่า กันน้ำ อ๋อ ไม่กันฝนนั้นเอง อะอะอะ.... งานแรก กับประสบการณ์ Full Moon Party ของฉันเป็นเช่นนี้แล.... 5555

          [ขอคิด.... คุณรู้ไหมว่า พวกเราพลาดอะไรไป.... ตอนวิ่งลงเรือไป ในเรือมีเพียงคนขับเรือ เด็กเรือ และผู้หญิง 2 คน คุณคิดว่าอันตรายไหม ฝนตกแรง กลางทะเล ในเรือ หากเกิดอะไรขึ้น เราจะหนีไปไหน จะทำอย่างไร.... งานนี้พลาดไป ก่อนขึ้นเรือ เราต้องแจ้งตำรวจชายฝั่งก่อนว่าจะออกเรือไปกันที่ไหน กี่คน เพื่อมีเหตุการณ์อย่างไร จะได้มีการออกค้นหาได้] 

          หลังจากนั้น.... เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อนได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่สมุย แจ้งว่า มีเรือชนกัน คืนวัน Full moon Party เลยโทรมาถุามว่าพวกเราเป็นอย่างไรกันบ้าง แหม...ก็น่าจะเกิดแหละ เท่าที่เห็น เรือเล็กที่บรรทุกนักท่องเที่ยวหลายลำไม่มีไฟ ขับเร็วมาก สวนกันไปกันมา เชียวชาญแค่ไหน ก็ต้องมีพลาดกันบ้างแหละ งานนี้ รายงานข่าวว่า นักท่องเที่ยวเสียชีวิต 9 คน แต่กู้ศพมาได้หมด...สาธุ ....

          เกาะพะงัน มีต่อภาคสองนะค่ะ ไว้มาอ่านกันต่อ ยังมีเรื่องเล่าอีกเยอะเลย...

          วันศุกร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

          เที่ยวเกาะเต่า Koh Tao Trip

          เกาะเต่า ชุมพร สุราษฎรธานี คุณไปขึ้นเรือได้ทั้งสองจังหวัด แต่การเดินทางของเราสองสาวนั้น เลือกที่จะเดินทางโดยบริษัท เรือเร็วลมพระยาทัวน์ ไม่ใช่สบาย ถูกกว่า หรืออย่างไร แต่เราขี้เกียจเสียเวลาไปหารถ หาเรือ เลยเลือกที่จะซื้อตั๋ว รถต่อเรือ ไปเกาะเต่าเลย

          การเดินทางจากกรุงเทพ เราต้องไป check in ที่ออฟฟิค ของ ลมพระยา ที่ตรอกข้าวสาร เวลา 19.30 น. หลัง Check in แล้ว ไปหาข้าวกินก่อนขึ้นรถ แนะนำร้านโจ๊ก ที่หน้าเซเว่น อร่อย มาก ขอบอก หลังจากนั้นแล้วก็ไปขึ้นรถทัวน์ของบริษัทที่หน้าวัด (มีคนนำพาไปขึ้นรถ แต่ให้ขนของเอง ไม่ช่วยยก) รถออกตอน 21.00 น. สภาพรถไม่เก่า ไม่ใหม่ เหมือนรถทัวน์ทั่วไป ไม่มีบริการอาหาร น้ำ บนรถ แอร์ก็เย็นธรรมดา ไม่มาก ไม่น้อย พอตี 1 รถก็จอดพักรถ ให้ลงไปทานอาหาร (ไม่มีเลี้ยง หากินเอง) ง่วงจะตาย ดันปลุกให้ไปกินข้าว พวกเราก็เลยลงไปเข้าห้องน้ำ (สภาพห้องน้ำสะอาดพอใช้)


          ตี 4 ถึงท่าเรือเร็ว ลมพระยา ก่อนกำหนด เรือเที่ยวแรก ออกตอน 7.00 น. โดยวิ่งจาก ชุมพร - เกาะเต่า - เกาะพงัน ราคาปกติไปเกาะเต่า 800 บาท ทัวน์ หรือ agent ขาย 850 - 900 บาท ราคาไม่แน่นอน แล้วแต่คุณโชคดีหรือโชคร้าย (พวกเราโชคปานกลาง เลยได้ราคา 850 บาท)

          ที่ท่าเรือ ลมพระยา ไปเกาะเต่า มีร้านขายของ กาแฟ ขนมปัง แพงมาก (แนะนำหาไปกินเองดีกว่า เราทานแค่ แซนวิท กับกาแฟ ก็ราคา 120 บาท แล้ว)

          เริ่มต้นวันใหม่ โทรศัพท์ที่พกไปเกิดดับสนิท ปิดตัวเอง ตายไป ณ ท่าเรือเร็ว ลมพระยา จังหวัดชุมพร ขอไว้อาลัย มา ณ โอกาสนี้ (แง ๆ แง ดับสนิท ตาย.... เศร้า)

          7.00 น. ตรงเวลา นายท่า เปิดให้ check in ขึ้นเรือ ไปหาที่นั่งตามสบาย มีห้อง VIP ชั้นสอง ติดแอร์ มีผลไม้บริการ เพิ่มอีก คนละ 100 บาท มีห้องน้ำในตัว (แต่เราไม่เอา เรามันคนชั้นกลาง ไม่วีไอพี) เลยมานั่งด้านล่าง ติดแอร์เหมือนกัน มีทีวีดู คนเต็มเรือ เรือแล่นไปถึงเกาะเต่าเวลา 10.30 น. พวกเราลงมาโทรหารถจากที่พักให้มารับ ออ...ลืมบอกไปว่าเราพักที่ บ้านคุณหญิง ไฮ ไหม... พวกคุณนาย พัก บ้านคุณหญิง ....????? เป็นห้องพัดลม พักได้ 2 -3 คน มีห้องน้ำในตัว ราคาปกติ 600 - 800 บาท agent เอาไปขาย 850 บาท (เอาพลาดอีกแล้ว ได้ราคา 850 บาท แหะ ๆ โง่ หรือ ซื่อ...เนี่ย)

          ห้องพัก บ้านคุณหญิง ไม่ได้อยู่ติดหาด เป็นบ้านสองชั้น สภาพใหม่ เตียงใหญ่ สะอาด มีทีวี ตู้เย็น และห้องน้ำในตัว โอเค..แหละ แต่จริง ๆ อยากพักติดหาด แนะนำ Wind Beach Resort ที่พักติดหาดทรายรี (เกาะเต่า) อาหารอร่อย โดยเฉพาะข้าวผัดทะเล กุ้งตัวใหญ่ โยเกิรต์สด อร่อยมาก ๆ ชอบ กินทุกวันเลยแหละ เบอร์โทรติดต่อที่ 077-456082 ซื้อตรงที่รีสอร์ทเลย ห้องพัดลมราคาถูกสุด 600 บาท agent ขาย 850 บาท เลือกเอาแล้วกันค่ะ

          ทริป One Day สำหรับดำน้ำ ก็มีราคาตั้งแต่ 600 - 850 บาท ปกติมักพบในราคา 650 บาท ต่ออีกนิด ได้ 600 บาท (พวกเราสองสาวได้ราคา 600 บาท มีรถรับส่งโรงแรมจ้า) จุดที่ดำน้ำก็มี 4 จุด คือ อ่าวฉลาม หรือ เกาะฉลาม ทางใต้ของเกาะเต่า เช่น อ่าวลึก  อ่าวหินวง และเกาะนางยวน ค่าทัวน์รวม อาหารเที่ยง ค่าเรือ ค่าชูชีพ ค่าหน้ากากดำน้ำ ไม่รวมค่าขึ้นเกาะ ต้องไปเสียอีกคนละ 30 บาท(คนไทย) และถ้าจะเช่า fin เพิ่มค่าประกันอีกคนละ 1000 บาท


          ภาพบรรยากาศที่ไปดำน้ำในทริป One Day สภาพทะเล และใต้น้ำ (ตื้น) ของเกาะเต่าในปัจจุบัน ก็เสื่อมโสมลงในระดับหนึ่งแล้ว ความงามยังคงมีปรากฏอยู่ ตามที่เห็น (ภาพจริง ไม่มีการดัดแปลง หรือ แต่งภาพ แต่อย่างใด) สำหรับคนที่ชื่นชอบทะเล การดำน้ำ ก็ยังแนะนำให้ไปเกาะเต่าอยู่ค่ะ ที่อ่าวฉลาม ในทริปนี้มีผู้พบฉลามด้วย ขนาดความยาว 2 เมตร (ใหญ่ไหม) คนที่กลัว ไม่อยากพบ เป็นคนพบ ว่ายน้ำหนีรวดเร็ว บอกว่าใจเต้น กลัวมาก ๆ ส่วนคนที่อยากพบ ว่ายหาแถบตาย ไม่เจอะอ่ะ เซ็ง...เป็ด...


          ปะการังที่พบ ก็มักเป็นปะการังกิ่งขาว ที่เขาเรียกว่า ปะการังเขากวาง ใช่ปะ... ดังรูป ไม่ค่อยมีดอกไม้ทะเล มีปลาเยอะอยู่ แต่ไม่พบปลานีโม่ ตัวโปรด...

          ส่วนเกาะนางยวน สวยมาก เป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัว ที่ดำน้ำ ก็จะเป็นพวกปลาเป็นส่วนใหญ่ ปลาเยอะมาก แต่บรรยากาศดีมาก ๆ เหมือนในภาพที่เห็น


          งานนี้ ต้องขอโทษที่ถ่ายภาพมาน้อย มัวแต่จะไปดำน้ำเลย ไม่ค่อยสนใจถ่ายภาพมากนัก แต่สวยมาก ๆ ขอบอก ถ้าจะไปพัก แนะนำไปพักเกาะนางยวนจะดีกว่า สำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ ต้องการพักผ่อนจริง ๆ สงบ เป็นส่วนตัวกว่า เกาะเต่า 


          บรรยากาศที่เกาะเต่า ช่วงที่ไปนักท่องเที่ยวก็ยังเยอะพอสมควร แต่เขาบอกว่า เนี่ย น้อยแล้ว เพราะ นักท่องเที่ยว ไปที่เกาะพงัน รอเที่ยว Full Moon Party ต่อกัน เลยออกไปจากเกาะเต่า ในวันที่พวกเรามากัน ชายหาดที่ใกล้ที่พัก ก็คือ หาดทรายรี พวกเราก็เลย เดินเล่น กินข้าว เล่นน้ำ อยู่แถวนี้ ทุกเย็น และเช้า มาตามดูบรรยากาศกันได้เลยจ้า

          ภาพชุดนี้ เป็นบรรยากาศตอนเย็น ของวันแรกที่เกาะเต่า ณ หาดทรายรี มาถึง ก็มานั่งเล่นที่ชายหาด ยังไม่รู้จะไปไหน จะทำอะไร เดินเรื่อย ๆ แล้ว ก็ลองถ่ายรูปตอนกระโดดบ้าง เห็นใคร ๆ ก็ชอบถ่าย เลยตั้งกล้อง ลองกระโดด กว่าจะได้นะ ยากมาก ๆ กะ เวลาไม่ค่อยได้ โดดซะเหนื่อย จน เพื่อนที่ไปด้วยกัน มาถ่ายได้ เลยได้มา ขอโชว์หน่อย แหะ ๆ โดด ตัวลอยเชียว ขนาด อ้วน ๆ นะเนี่ย.....

          [เกร็ด...ประจำวัน... การเช่ารถที่เกาะเต่า ถ้าคุณเป็นคนไทย จะเช่ายากมาก ค่ามัดจำ 5000 บาท ค่าเช่ามอเตอร์ไซด์วันละ 150 บาท รถมอเตอร์ไซด์ให้เลือกชนิดที่ล้อเป็นล้อวิ่งวิบาก เพราะถนนรอบเกาะ ชัน และลื่น มือสมัครเล่น ห้ามขับ เพราะถ้ารถเสีย ถลอก เป็นรอย คุณต้องจ่าย 100 เท่าของค่าซ่อมจริง ]
           ภาพนี้ ขับมอเตอร์ไซด์ ไปเที่ยวที่ ดุสิตบัญชารีสอร์ท ทางขึ้นชันมาก แต่พอไปไหว ก็เล่นเอา เราคนซ้อน ต้องลงเดิน ตลอดทาง กว่าจะไปถึง เหนื่อยมาก.... ขอบอก .... (มีภาพด้วย แต่อยู่อีกกล้อง เลยไม่มีมายืนยัน แต่ไม่เอาอ่ะ น่าอาย...)


          ทางเดินชมวิว สวยมาก และมีที่ให้ลงดำน้ำดูปลาด้วย โอเคเลย ถ้าได้ไปแนะนำให้ไปดูจุดชมวิว ที่ดุสิตบัญชา หมู่บ้านโชคสมชัย


          ปล. เตรียมเอาชุดไปว่ายน้ำ ได้ ราคา 200 บาทต่อคน หรือจะดำน้ำดูปลา ก็ฟรีจ้า




           หาดทรายรี เป็นที่จอดรถแท๊กซี่ ไปดำน้ำ ไปเกาะนางยวน จุดเด่น มีต้นมะพร้าว ลำต้นยืนออกมาขวางหาด แต่ยอดตั้งตรงขึ้นไป ดังรูป


          ตอนเย็น จะมีเรือเข้ามาจอด เรียงกันเป็นแถว ๆ สวยงามมาก ๆ เลยแหละ ซึ่งคนจอด จอดเก่งมาก จอดเรียงกัน ตรงแนว แล้วเว้นช่องว่าง เท่ากันด้วย เท่ไหมล่ะ
           อันนี้เป็นภาพ ตอนเย็น แสงยามเย็น งดงามมาก ๆ พระอาทิตย์ตก แทบอยากจับมาเก็บลงกระเป๋า กลับบ้าน เอาไปฝากคนรู้ใจ คนที่คิดถึง....


          เห็นแล้ว สวยไหม... สวยนะ ... ยังมีรูปอีกมากมาย อยากให้ดู อยากให้เห็น แต่คงไม่เท่า ที่เราจะเชิญชวน ให้คุณออกไปเที่ยวกันเองหรอก ไปทะเลกันดีกว่า.... อ่าวไทย ทะเลไทย เกาะเต่า เกาะนางยวน...


          ภาพสุดท้าย ทิ้งท้ายไว้...... ไปเมื่อไหร่ อีเมล์บอกด้วย ฝากข้อความไว้ เราจะได้คุยกัน....